Category ข่าวบันเทิง

พัคโบกอม

พัคโบกอม ตัดสินใจเซ็นสัญญากับ THEBLACKLABEL ประเดิมเป็นนักแสดงคนแรกของค่าย

นักแสดงชายหนุ่มมีชื่อเสียง พัคโบกอม ได้ตัดสินใจเซ็นสัญญากับค่าย THEBLACKLABEL ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของค่าย YG Entertainment โดยได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้
หลังจากที่ที่ผ่านมามีกระแสข่าวลือการเซ็นสัญญาของเขากับ YG Entertainment และ HYBE

นักแสดงพัคโบกอม

โดยในวันที่ 30 มกราคม ทาง THEBLACKLABEL ได้ออกมายืนยันการเซ็นสัญญากับพัคโบกอม

อย่างเป็นทางการ ว่า

“เราได้เซ็นสัญญาจัดการดูแลการทำกิจกรรมต่าง ๆ กับ พัคโบกอม ผู้เป็นนักแสดงชั้นนำของเกาหลี ซึ่งได้รับความไว้วางใจและความรักจากสาธารณชน ขณะที่เขามีผลงานสลับไปมาระหว่างจอเงินและจอแก้ว

เรามีความยินดีอย่างยิ่งที่จะได้ร่วมงานกับเขา ผู้ซึ่งมีอิทธิพลในระดับโลกขยายไปไกลกว่าในเกาหลี ด้วยเสน่ห์และความสามารถที่หลากหลายของเขา เราจะพยายามอย่างสุดความสามารถในการใช้จุดแข็งและองค์ความรู้ของ THEBLACKLABEL ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อที่ว่าเขาจะได้เผยเสน่ห์ที่มากยิ่งขึ้นในหลากหลายด้าน รวมไปถึงในฐานะนักแสดง และเราจะให้การสนับสนุนเขาสำหรับกิจกรรมในระดับโลกนับจากนี้”

นอกเหนือจากข่าวการเซ็นสัญญาที่ได้รับการยืนยันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนหน้าที่ผ่านมาไม่นาน พัค โบกอม พึ่งคอนเฟิร์มตอบรับข้อเสนอแนะบทนำในซีรีส์ ‘You Have Done Well’ แสดงร่วมกับ ไอยู ผลงานใหม่ของผู้กำกับ My Mister

สำหรับค่าย THEBLACKLABEL นั้น เป็นบริษัทในเครือของ YG Entertainment ซึ่งมี Teddy เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง เมื่อปี 2016 รวมทั้งได้ผลิตผลงานโปรดิวซ์และก็ทำเพลงให้กับศิลปินมากมาย อาทิเช่น Jinusean, Seven, Big Bang, 2NE1, Lee Hi, BLACKPINK แล้วก็ Jeon Somi โดยก่อนหน้านี้ไม่นาน แทยัง BIGBANG ได้อำลา YG มาอยู่ภายใต้การดูแลของค่ายนี้ ด้วยข่าวการเซ็นสัญญาดังกล่าว รวมถึงข่าวล่าสุดนี้ที่ได้เซ็นสัญญากับ พัค โบกอม ซึ่งเป็นนักแสดงคนแรกของค่าย จึงยิ่งเป็นที่น่าสังเกตถึงแนวทางการบริหารของค่ายอีกทั้งในด้านงานเพลง และ งานแสดงหลังจากนี้ว่าจะเป็นอย่างไร

ไอยู

ไอยู – พัคโบกอม คอนเฟิร์มรับบทนำร่วมกันในซีรีส์ ‘You Have Done Well’ ผลงานใหม่ของผู้กำกับ My Mister

เรียกได้ว่าซีรีส์ You Have Done Well เป็นซีรีส์ที่หลายท่านต่างให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ที่ได้มีการเปิดเผยจากสื่อถึงการลุ้นสวมบทนำร่วมกันของ 2 นักแสดงมากความสามารถ ไอยู และ พัค โบกอม แล้วก็ซีรีส์เรื่องนี้ยังเป็นซีรีส์อีกหนึ่งเรื่องที่ถูกคาดหวังมากที่สุดในปี 2023 ซึ่งปัจจุบันก็มีข่าวดีออกมาให้แฟน ๆ ได้ตื่นเต้นอย่างเป็นทางการแล้วว่าซีรีส์เรื่องใหม่จากผู้กำกับ My Mister จะได้ ไอยู และก็ พัค โบกอม มาสวมบทบาทนำร่วมกัน!

‘You Have Done Well’ (폭싹 속았수다) เป็นซีรีส์ที่จะพาทุกคนย้อนกลับไปจับใจกับเรื่องราว ซึ่งซุกซ่อนอยู่เบื้องหลังภาพถ่ายใบเก่า ในวันวานอันสว่างไสวบนเกาะเชจูในปี 1950 โดยจะถูกถ่ายทอดผ่าน 4 ฤดูกาลอย่างนุ่มนวล ซึ่งภายในซีรีส์เราจะได้เห็นเรื่องราวอันหลากหลาย ทั้งเรื่องราวความรักทีแรกของคุณแม่ ตอนเวลาแห่งการเผชิญภัยของคุณพ่อ วัยเด็กแสนกบฏของคุณย่า และวัยนักรักของคุณปู่

ในซีรีส์เรื่องนี้ ไอยู จะสวมบทเป็น แอซุน หญิงสาวผู้มีนิสัยซน เธอมีบุคลิกที่กล้าหาญแล้วก็มักที่จะไม่เก็บซ่อนอารมณ์อะไรก็ตามแต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังเต็มไปด้วยพลังบวก โดยแอซุนใฝ่ฝันที่จะเป็นกวีถึงแม้เธอจะไม่มีช่องทางที่ได้เรียนก็ตาม

ทางด้านของ พัคโบกอม เล่นบทเป็น ควานชิก หนุ่มน้อยผู้ขยันขันแข็ง เขามีบุคลิกลักษณะอันเงียบขรึม แต่ความเป็นจริงแล้วเขานั่นเต็มไปด้วยความจริงใจ แม้เขาจะไม่ใช่เด็กหนุ่มที่มีความโรแมนติกก็ตาม เขาหลงเสน่ห์แอซุนตั้งแต่แรกเจอและพร้อมที่จะทุ่มเททุกอย่างเพื่อเอซุน

โดยซีรีส์เรื่องนี้ถูกยกให้เป็นซีรีส์ที่ถูกคาดหวังมากที่สุดเรื่องนึงในปี 2023

เพราะว่าซีรีส์เรื่องนี้จะถูกรังสรรค์เรื่องราวจากปลายปากกาของนักเขียนอิมซังชุน ผู้ที่เคยฝากผลงานซีรีส์ชื่อดังหลายเรื่อง เป็นต้นว่า Becky’s Back (2016), Fight For My Way (2017) แล้วก็ When the Camellia Blooms (2019) ซีรีส์ที่มีเรตติ้งสูงที่สุดรายปี 2019 ไม่เพียงแต่เท่านั้นยังผนึกกำลังกับผู้กำกับคิมวอนซอก ผู้ที่เคยอยู่เบื้องหลังการกำกับซีรีส์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Misaeng (2014), Signal (2016) แล้วก็ My Mister (2018) ซีรีส์ที่ครองใจใครคนไม่ใช่น้อย

ซึ่งการรวมตัวกันของผู้กำกับคิมวอนซอก นักเขียนบทอิมซังชุน และก็นักแสดงนำอย่างไอยู และ พัค โบกอม ยิ่งทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ทวีคูณความน่าติดตามมากขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว โดยซีรีส์เรื่องนี้ถือเป็นการหวนกลับมาร่วมงานกันกับผู้กำกับคิมวอนซอกอีกรอบ หลังจากที่เคยร่วมงานกันในซีรีส์เรื่อง My Mister (2018) และก็เป็นการคัมแบ็คจอแก้วในรอบ 4 ปีของไอยู ทางด้านของพัค โบกอม การสวมบทนำในซีรีส์เรื่องนี้ก็เป็นการคัมแบ็คในรอบ 3 ปีเช่นกันหลังซีรีส์ Record of Youth ออนแอร์จบไปในปี 2020

อีจงซอก

หนุ่มน้อยหน้าตี๋เติบโตอย่างมีคุณภาพ สู่ซุปตาร์ตัวท็อปค่าตัวมโหฬาร

โลดแล่นบนเส้นทางบันเทิงมานานหลายสิบปี สำหรับนักแสดงชายซุปตาร์ดัง ‘อีจงซอก’ ฝากผลงานสร้างชื่อไว้มากมายหลายเรื่อง เรียกได้ว่าชีวิตช่วงนี้ลัคกี้อินเกม ลัคกี้อินเลิฟสุด ๆ หลังจากประกาศเปิดตัวคบหาดูใจกับนักร้อง-นักแสดงตัวท็อป ‘ไอยู’ แต่ฟีดแบคตอบรับมาก ๆ

พระเอกซุปตาร์ดังอีจงซอก

ปัจจุบัน อีจงซอก ได้มาโพสต์ภาพผ่านไอจี jongsuk0206

เริ่มปี 2023 ด้วยภาพหล่อ ๆ พร้อมแคปชั่นระบุว่า ‘Live by your own decisions’

ดังนี้ยังได้เผยภาพวัยเด็กที่การันตีความหล่ออร่ามีมาตั้งแต่เกิด สมกับที่เติบโตมาอย่างมีคุณภาพจริง ๆ

ขณะเดียวกันเว็บไซต์ thetealmango เปิดเผยข้อมูล อีจงซอก เป็นอีกหนึ่งนักแสดงที่มั่งมีมาก โดยมีค่าตัวรวมอยู่ที่ราว 32 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,100 ล้านบาท)
เริ่มเข้าวงการจากการเป็นนายแบบ ก่อนที่จะแจ้งเกิด รวมทั้งประสบผลสำเร็จจากภาพยนตร์ Hot Young Bloods ในปี 2014 และซีรีส์ Doctor Stranger , Pinnochio

พระเอกอีจงซอก

 

ตามเก็บผลงานเด็ด อีจงซอก (Lee Jong-suk)

Doctor Stranger – อัจฉริยะหมอ 2 แผ่นดิน (2014)
ซีรีส์ 20 ตอน ตอนละประมาณ 60 นาที
รับชมได้ทาง Netflix / Viu (มีพากษ์ไทย) / iQIYI / WeTV

เปิดก๊อกด้วยแนวการแพทย์พล็อตเฉลี่ยวฉลาด เรื่องราวของ พัคฮุน (รับบทบาทโดย อีจงซอก) เด็กหนุ่มผู้มีโอกาสติดสอยห้อยตามครอบครัวไปเติบโตยังแผ่นดินเกาหลีเหนือ ผู้เป็นพ่อถ่ายทอดศาสตร์การแพทย์ให้กับพัคฮุนจนถึงเขาเติบโตขึ้นเป็นศัลยแพทย์ทรวงอก
ฝีมือดี ความอัจฉริยะของพัคฮุนทำให้เขาถูกทางการประเทศเกาหลีเหนือสั่งให้ผ่าตัดหัวใจผู้คนจำนวนมาก โดยยิ่งไปกว่านั้นมนุษย์ที่ถูกจับมาทดลอง เคราะห์กรรมดังกล่าวเป็นเหตุให้พัคฮุนพยายามหลบซ่อนกลับมายังประเทศเกาหลีใต้พร้อมกับหญิงสาวที่เขาหลงใหลอย่าง ซงแจฮี (รับบทโดย จินเซยอน) แต่ทว่าโชคร้ายที่กลางทางเธอถูกสายลับดักยิงตกน้ำกลายเป็นบุคคลหายสาบสูญ

พัคฮุนกลับมายังบ้านเกิดพร้อมด้วยเปิดคลินิกขนาดย่อมเพื่อเลี้ยงปากท้อง เขายังเป็นจริงเป็นจังในการตามหาซงแจฮีด้วยมั่นใจว่า เธอยังไม่เสียชีวิต จนถึงวันหนึ่งพัคฮุนได้ได้โอกาสเข้าไปทำงานที่ศูนย์การแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยมยองอู ที่แห่งนั้นเขาได้เจอกับ ฮันซึงฮี (รับบทโดย จินเซยอน) วิสัญญีแพทย์ที่มีหน้าตาเช่นเดียวกับคนรักของเขาทุกประการ พัคฮุนเริ่มเอาตัวเข้าไปใกล้ชิดกับฮันซึงฮีเพื่อพิสูจน์ความจริง ก่อนจะต้องพบเจอกับเบื้องหลังแวดวงการแพทย์อันสกปรกโสโครก ความลับมืดดำที่เกี่ยวข้องโยงใยไปสู่การเมืองระหว่างชาติ พร้อมเกมแก้เผ็ดจากใครบางคนที่วนเวียนอยู่ในโรงพยาบาลแห่งนั้น

เรียกว่าเป็นซีรีส์การแพทย์ที่เนื้อหาเข้มข้น ภายใต้ฉากหลังของเรื่องที่เริ่มขึ้นในปี 1994 ซึ่งเป็นตอนเวลาที่ความสัมพันธ์ทางการทูตเหนือพื้นที่เหนือคาบสมุทรเกาหลีกำลังเคร่งเคลียด แน่นอนว่าเหตุการณ์กลุ่มนี้เชื่อมโยงกับเงื่อนชีวิตของตัวละคร พลิกแพลงหักมุมตลอดทั้งเรื่องชนิดต้องตั้งคำถามว่ามันสมองของคนเขียนบทจะล้ำไปไหน สิ่งที่ขาดไม่ได้คือฉากผ่าตัดหัวใจที่สมจริง ตื่นเต้นลุ้นระทึกทุกเคส พร้อมกับซีนโรแมนติกที่ปรุงแต่งมาเพื่อเบรกบรรยากาศหนักหน่วงของเส้นเรื่องหลัก สนุกครบรสการันตีด้วยตัวเลขเรตติ้งสองหลักตั้งแต่ต้นจนลาจอ ยกให้เป็นอีกหนึ่งงานที่อยู่บนหิ้ง ห้ามพลาดโดยเด็ดขาด

Pinocchio – พิน็อกคิโอ รักนี้หัวใจไม่โกหก (2014)
ซีรีส์ 20 ตอน ตอนละประมาณ 60 นาที
รับชมได้ทาง Netflix / Viu (มีพากษ์ไทย) / iQIYI

ออกมาจากห้องผ่าตัดไปสู่ห้องส่งรายงานข่าวกันดูบ้าง เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อครอบครัวของ กีฮามยอง (รับบทบาทโดย อีจงซอก) เผชิญกับการสิ้นไปครั้งใหญ่ เมื่อพ่อผู้เป็นเสาหลักได้เสียชีวิตหลังเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบเหตุในโรงงานที่เกิดเพลิงลุกไหม้ แต่ทว่าโชคร้ายยังเล่นงานพวกเขาอย่างไม่สิ้นสุด เมื่อผู้รายงานข่าวคนดังอย่าง ซงชาอ๊ก (รับบทบาทโดย จินคยอง) กลับใช้สื่อกล่าวว่าพ่อของกีฮามยองฯลฯเหตุให้เกิดความสูญเสีย สังคมเริ่มรุมประณามอย่างหนักกระทั่งบีบให้แม่ของกีฮามยองตัดสินใจพาเขาไปกระโดดหน้าผาฆ่าตัวตายเพื่อหมดปัญหา

กีฮามยองรอดจากความตายมาได้เช่นเดียวกันกับปาฏิหาริย์ เขาดำเนินชีวิตใหม่ในชื่อ ชเวดัลโพ กลายเป็นลูกชายคนโตของบ้านและได้พบกับ ชเวอินฮา (สวมบทบาทโดย พัคชินฮเย) หลานสาวของชายชราที่ช่วยเขาไว้ เขาหลงเสน่ห์เด็กสาวคนนั้นแต่ต้องปกปิดเอาไว้เพราะว่าตนมีศักดิ์เป็นลุงไปเสียแล้ว แต่ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่ชเวดัลโพมุ่งหมายอย่างสุดหัวใจคือการเป็นนักข่าวเพื่อล้างแค้นซงชาอ๊กด้วยการเปิดเผย
ความจริงในอดีต ถ้าเกิดแต่กลับเจอความจริงว่าศัตรูของเขาดันกลายเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดของชเวอินฮา ความรักรวมทั้งความแค้นของชเวดัลโพจะลงเอยอย่างไร ต้องไปติดตามคำตอบด้วยตาตนเอง

เรียกว่าเป็นงานคุณภาพที่ไม่ว่าจะย้อนกลับมาดูจำนวนกี่ครั้งก็ยังรู้สึกเต็มที่อยู่เสมอ รายละเอียดสาระที่มุ่งเน้นเสียดสีวงการสื่ออย่างตรงไปตรงมา สำนวนที่ว่า คำบอกเล่าสามารถฆ่าคนได้ ปรากฏเป็นภาพชัดเจนในซีรีส์เรื่องนี้ ไฮไลต์เด็ดเป็นการหยิบยก โรคพิน็อกคิโอ อาการสะอึกเมื่อพูดโกหก มาเป็นส่วนหนึ่งในการนำเสนอเบื้องหลังของการทำงานในวงการข่าวสาร
เผยให้มองเห็นความยากลำบากของนักข่าวภาคสนาม ตลอดจนจรรยาบรรณและก็ความรับผิดถูกใจในฐานะสื่อสารมวลชน มาพร้อมกับเงื่อนดราม่าชีวิตที่ทั้งยังมืดดำและสว่างไสวคละเคล้ากันไป สิ่งที่น่าประทับใจคือการสอดแทรกความหมายของคำว่า ครอบครัว ที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสายเลือดแต่มาจากความผูกพัน

คงจะไม่ต้องสาธยายให้มากความถึงความดีงามของอีจงซอก ในเรื่องนี้ การันตีจากการกวาดรางวัล Best Actor ได้เกือบทุกเวที ตัวละครกีฮามยองเปิดโอกาสให้เขาได้ เปล่งประกายในฐานะนักแสดงชายที่ไม่ได้มีดีเพียงรูปลักษณ์ การถ่ายทอดความรู้สึกผ่านแววตากลายเป็นโลโก้ประจำตัวของอีจงซอกไปโดยปริยาย จะดราม่าสาดอารมณ์ เศร้าน้ำตาท่วม รวมถึงเคมีที่เข้ากันดีกับพัคชินฮเยในซีนกระหนุงกระหนิง เป็ดน้อยของพวกเราเล่นถึงทุกมิติ ไม่แปลกใจว่าเพราะเหตุใดทุกวันนี้เขาก็เลยขึ้นแท่นเป็นนักแสดงสายฝีมืออย่างไร้ข้อกังขา แนะนำเป็นพิเศษสำหรับสายดราม่า เอาหัวเป็นประกันเลยว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

นักแสดงอีจงซอก

W: Two Worlds Apart – W รักข้ามมิติ (2016)

ซีรีส์ 16 ตอน ตอนละประมาณ 60 นาที

รับชมได้ทาง Netflix / Viu (มีพากษ์ไทย) / WeTV

เอาใจคนชอบเรื่องราวสุดมหัศจรรย์ด้วยซีรีส์โรแมนติกแฟนตาซีเหนือชั้นบอกเรื่องราวของ โอยอนจู (สวมบทโดย ฮันฮโยจู) ศัลยแพทย์ทรวงอกผู้เป็นลูกสาวของนักเขียนการ์ตูนออนไลน์ชื่อดัง ผลงานชิ้นโบแดงของเขาคือ W ที่กำลังดำเนินมาจนกระทั่งใกล้ถึงบทสรุป ทว่าระหว่างเขียนตอนจบพ่อของโอยอนจูได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เวลาผ่านไปนับเป็นเวลาหลายวันเธอจึงออกตามหาพ่อ
จนถึงได้พบกับเหตุการณ์แปลก เมื่อฉากในการ์ตูนเรื่องดังกล่าวปรากฏให้โอยอนจูมองเห็นอยู่ข้างหน้าและนำพาเธอไปสู่อีกโลกที่ไม่คุ้นเคย

ทันทีที่โอยอนจูถูกกลืนเข้าไปในโลกแห่งการ์ตูน เธอได้ให้ความช่วยเหลือ คังชอล (รับบทโดย อีจงซอก)
พระเอกของเรื่อง W ที่กำลังบาดเจ็บสาหัส โอยอนจูศึกษาว่าเธอสามารถเดินทางไปมาระหว่างสองโลกได้ตามความรู้สึกของตัวละครในการ์ตูนเรื่องนั้น ขณะเดียวกันคังชอลได้พยายามตามหานักเขียนที่หายสาบสูญไปเพื่อหนีออกจากโลกการ์ตูนไปใช้ชีวิตใหม่ในฐานะมนุษย์ การได้เจอกันของพวกเขานำมาซึ่งความรักเหนือจินตนาการระหว่างชายและหญิงจากต่างโลก ท่ามกลางอันตรายที่เกิดขึ้นจนกระทั่งการ์ตูนจะดำเนินไปจนกระทั่งหน้าสุดท้าย

ถือเป็นหนึ่งงานที่เล่าเรื่องแนวทะลุมิติออกมาได้สนุกและก็เข้าใจง่าย ไม่ต้องกังวลว่ารายละเอียดที่พูดถึงมิติเวลาจะเป็นภาระต่อการรับชม กลับภาพโลกการ์ตูนที่หลาย ๆ คนมีความคิดว่าสดใสให้ดาร์กขึ้นด้วยความเร้นลับ ปริศนาฆาตกรรม และก็ฆาตกรไร้หน้าที่ไล่ล่าพระเอกอย่างเอาจริงเอาจัง สารพันอันตรายที่อัดแน่นไปด้วยความลุ้นระทึกชนิดนั่งไม่ติดที่ มีลูกเล่นในตอนสุดท้ายทุกอีพีทำให้เราต้องดูถัดไปแบบวางไม่ลง เลิฟไลน์ของคู่พระนางที่ดูราวกับจะลงเอยกันได้ยาก หากแต่ซีรีส์กลับมีวิธีนำพาคนดูให้สัมผัสบรรยากาศโรแมนซ์แสนหวานจนกระทั่งลืมไปเลยว่าโดยความเป็นจริงแล้วพวกเขามาจากคนละโลก

ภาพจำของอีจงซอกจากเรื่องนี้คือ โคตรหล่อ โคตรเท่ โคตรอันตราย ชวนให้พวกเรานึกถึงคาแรกเตอร์ฮีโร่ในหนังยอดมนุษย์ ท่าทางที่ดูหลุดโลกเปลี่ยนเป็ดน้อยของพวกเราให้กลายเป็นเป็ดนักบู๊ในชั่วพริบตา บรรดาฉากแอ็กชั่นที่ใส่มาตลอดทั้งเรื่องสนับสนุนให้ชายหนุ่มคนนี้ได้ถ่ายทอดทักษะเตะต่อยแบบเต็มสตรีม จะสู้แหลกกระแทกตับระดับไหนไม่มีขัดตา บอกเลยว่าดุดันสนุกเกินกว่าที่คิด ส่วนใครยังติดใจอีจงซอกในมาดหนุ่มโรแมนติกก็ยังคงได้เห็น เชื่อว่าดูแล้วคนไม่ใช่น้อยอยากสวมบทเป็นนางเอกขึ้นมาทันที ใครยังไม่เคยดูเรื่องนี้รีบหาเวลาไปตามเก็บกันเป็นการด่วน

Romance is a Bonus Book – ลุ้นรักฉบับโบนัส (2019)

ซีรีส์ 16 ตอน ตอนละประมาณ 60 นาที
รับชมได้ทาง Netflix

หนักหนากันมาหลายแนว ลองปล่อยเส้นประสาทไปกับรอมคอมไร้พิษภัยกันดูบ้าง เรื่องราวของ คังดันอี (รับบทบาทโดย อีนายอง) นักเขียนคำโฆษณามือหนึ่งที่ต้องลาออกจากงานทันควันเพื่อช่วยดูแลครอบครัว แต่ทว่าเมื่อถึงวาระอยากกลับไปทำงานที่รักอีกรอบ กลับกลายเป็นว่าไม่มีบริษัทไหนเลยที่ตอบรับเธอ
ถึงแม้ความสามารถจะเด่นเหนือคนอื่น ๆ มากก็ตาม นั่นเป็นเพราะอายุของคังดันอีที่สูงจนถึงเกินเพดานจากการที่เธอห่างหายไปเป็นเวลายาวนานนับเป็นเวลาหลายปี

ดูเสมือนชะตาชีวิตจะไม่ใจร้ายเสมอไป เมื่อสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งได้ประกาศรับสมัครพนักงานสัญญาจ้างโดยไม่กำหนดอายุแล้วก็ประวัติการศึกษา คังดันอีจึงคว้าโอกาสไว้ถึงแม้เป็นเพียงแค่ตำแหน่งบุคลากรทีมสนุนชั่วคราวที่ไม่มีความยั่งยืนและมั่นคง ณ ที่แห่งนั้นเธอได้เจอกับ ชาอึนโฮ (รับบทโดย อีจงซอก) นักเขียนรวมทั้งบรรณาธิการหนุ่มหล่อที่คังดันอีรู้จักในฐานะรุ่นน้อง ความใกล้ชิดสนิทสนมในที่ทำงานสร้างปาฏิหาริย์รักต่างอายุให้เกิดขึ้น ความโรแมนติกท่ามกลางความระส่ำระสายของงานที่รายล้อมไปด้วยตัวอักษรจะเป็นอย่างไร ลองใช้หัวใจรับชมเรื่องนี้ไปด้วยกัน

หนึ่งในงานโรแมนติกคอมเมดี้ที่หลายท่านบางทีอาจเคยพลาดไป กระแสและก็เรตติ้งอาจไม่สูงนักเหตุเพราะกระแสรักต่างวัยยังไม่บูมอย่างทุกวันนี้ สไตล์การเล่าเรื่องที่ดูราวกับจะเอื่อยเฉื่อยไปเรื่อย ๆ แต่แอบแฝงความอบอุ่นรวมทั้งโรแมนติกเอาไว้ทุกฉากทุกตอน ด้วยรายละเอียดที่รายล้อมไปด้วยหนังสือก็เลยทำให้บทสนทนาของตัวละครสวยงามอย่างกับถอดออกมาจากนิยาย สอนให้ผู้ชมได้รู้ใจตนเองในการทำตามสิ่งที่รัก ดราม่าพอเป็นกระษัยชี้ชวนให้เราได้หยุดพักความคิดเพื่อทวนตนเอง ภาพรวมไม่หวือหวาแต่น่าประทับใจ ใครกำลังมองหาซีรีส์ที่รายละเอียดเบาสบาย ดูแล้วบรรเทาหัวใจ อย่าลืมเก็บเรื่องนี้ไว้พิจารณา

ที่ผ่านมาคงจะได้มองเห็นหลากหลายบทบาทของอีจงซอกที่ล้วนแล้วแต่สาหัสสากรรจ์ ถือเป็นผลงานในระยะหลังที่เขาไม่ต้องงัดพละกำลังมาโชว์แบบเต็มแมกซ์ ในทางกลับกันอีจงซอกยังทำให้ผู้ชมได้รู้จักเขาในมุมสบายๆเหมือนเป็นน้องชายที่บรรดานูน่าต้องคอยหวงแหน คาแรกเตอร์ที่ดูสนุกสนานดื้อรั้นแต่แอบแฝงไปด้วยความเป็นผู้ใหญ่ยามจดจ่ออยู่กับหน้าที่การงาน จิตใจที่อบอุ่นรวมทั้งรอยยิ้มอันแสนละมุนจะทำให้พวกเราตกหลุมรักเขาได้ไม่ยาก ที่สำคัญยังแจกเลิฟซีนน่ารักกุ๊งกิ๊งมาให้ไม่ยั้ง เรียกว่าดูแล้วแอบซ่อนความฟินเอาไว้ไม่ไหว งานนี้หมอนกี่ใบอาจหยิบมาจิกกันจนขาดไม่มีเหลือ

มาร์ค ต้วน

"มาร์ค ต้วน" ถ่ายแบบแซ่บไฟลุก แฟนใจละลายดัน #MarkTuan ขึ้นเทรนด์อันดับ1

เริ่มเลอ! ไฟลุกเทรนด์ ทวิตเตอร์ เป็น ที่ เรียบร้อยแล้ว เมื่อ แฟนร่วมดันแฮชแท็ก #MarkTuan ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับหนึ่ง หลังจากมี การปล่อยภาพ การถ่ายแบบของศิลปินหนุ่ม
“Mark Tuan มาร์ค ต้วน” หรือ Mark (มาร์ค) หนึ่งในสมาชิกของวง GOT7

ขึ้นเทรนด์อันดับ1

มาร์ค ต้วน ได้ร่วมถ่ายแบบกับแบรนด์ Calvin Klein

ทำแฟนใจละลายกันไปเป็นแถว จนถึงดัน ขึ้นเทรนด์อันดับ 1 ไป แบบร้อนแรง ไม่แผ่วทั้งความแซ่บ ของ มาร์ค และก็น่ารักของเหล่าแฟน ๆ

มาร์ค

มาร์ค ต้วน ถ่ายแบบแซ่บไฟลุก

เรียกได้ว่าพาใจ ของแฟน ที่รับชมได้หลอมเหลวไป กับแดดช่วงบ่ายเลย ทีเดียว เพราะเหตุว่าชายหนุ่มมาร์ค
ส่งดาเมจ แรงเกินต้านทาน มาให้เรารับ กันแบบเต็ม ๆ หลังจาก เงียบหายไป สักพักให้ แฟนได้นึกถึงผลงาน ของเขา เมื่อกลับ มาทำเอาแฟนได้ หัวใจ สั่น หวั่นไหว เพราะว่า เป็นการถ่ายแบบร่วมงาน กับ Calvin Klein ซึ่งใน ครั้งนี้นั้น มาร์ค ปั้นหุ่น มี ความเฟิร์มขึ้นกว่าเดิม เพิ่มเติม คือกล้ามเนื้อ แน่นมาก กระทั่ง ทำเอาแฟน เห็นพ้องต้องกันต้องกันว่า มัน แซ่บ ไฟ ลุก ปลุก ให้ต้องมาร่วมดัน แฮชแท็ก #MarkTuan ขึ้นอันดับ 1 ไปแบบฮอตดั่งภาพที่ปล่อยออกมา พร้อมไปกับคำชื่นชมมากมายให้ได้ยิ้มไปกับความเต็มที่ของเขา

MarkTuan ขึ้นเทรนด์อันดับ1

ประวัติ มาร์ค นักร้องหนุ่มสุดหล่อสมาชิกวงบอยแบนด์ดัง GOT7

  • ประวัติ มาร์ค GOT7
  • มาร์ค (Mark) มีชื่อจีนคือ ต้วน อี้ เอิน (Tuan Yi En) ชื่ออังกฤษคือ มาร์ค (Mark Tuan)
  • เกิดเมื่อวันที่ 4 ก.ย. ปี 1993 มีพี่น้อง 4 คนด้วยกันซึ่ง มาร์ค เป็นคนที่ 3 มีพี่สาว 2 น้องชาย 1 คน
  • เขาเป็นแร็ปเปอร์, นักร้อง, นักแต่งเพลง รวมทั้งนายแบบสัญชาติอเมริกัน-ไต้หวัน
  • โดยเป็นหนึ่งในสมาชิกของวงบอยแบนด์เกาหลีใต้ GOT7 ที่ก่อตั้งโดยค่าย JYP Entertainment
  • ก่อนเดบิวต์ มาร์ค อาศัยอยู่ในลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา รวมทั้งในช่วงที่อยู่ high school เขาได้เข้าร่วมออดิชั่นของค่าย JYP Entertainment แล้วก็เขาก็ผ่านการออดิชั่นจนกระทั่งได้เป็นเด็กฝึกในปี 2010 ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาได้ย้ายมาอาศัยอยู่ในประเทศเกาหลี
  • หลังจากฝึกซ้อมทั้งการร้องการเต้นมาเป็นเวลา 3 ปีครึ่ง มาร์ค ก็ได้เดบิวต์อย่างเป็นทางการในฐานะสมาชิกของวงบอยกรุ๊ป GOT7 กับปล่อยมินิอัลบั้ม “Got It?” ในวันที่ 16 มกราคม ปี 2014
  • มาร์ค มีส่วนร่วมกับผลงานเพลงของวง GOT7 หลาย ๆ เพลงด้วยกัน จนกระทั่งกระทั้งในปี 2021 มีรายงานข่าวของสื่อต่างประเทศบอกว่าสมาชิกของวง GOT7 ทุกคนจะออกจากค่าย JYP Entertainment โดยงาน Golden Disc Awards ครั้งที่ 35 เป็นกิจกรรมสุดท้ายของวง หลังแล้วในวันที่ 11 มกราคม ปี 2021 ทางค่าย JYP Entertainment ก็ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าสมาชิกทั้งหมดของ GOT7 จะออกจากค่ายต้นสังกัดเนื่องมาจากสัญญาของพวกเขาจะหมดลง Dในวันที่ 19 มกราคม ปี 2021
บิว

ประวัติ บิว จักรพันธ์ นักแสดงซีรีส์วาย ที่ถูกพูดถึงมากตอนนี้

กลายเป็นกระแสโด่งดังมาก ๆ กับกรณีของ บิว จักรพันธ์ หลังจากมี สาวคนหนึ่ง ออกมาแฉว่า ตัวเองนั้น เคยคบหาดูใจกับ บิว แล้วก็ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา
เธอโดนทำร้ายร่างกายมาตลอด อีกทั้งยังมีเรื่องของทรัพย์สิน การคบซ้อน ต่าง ๆ นา ๆ กลายเป็นว่า ชื่อของ บิว กลายเป็นข้อความสำคัญโด่งดังมาก ๆ กระทั่งแฮชแท็ก บิวทำร้ายร่างกายผู้หญิง ติดเทรนด์ทวิตเตอร์อย่างรวดเร็วทันใจ

หลายท่านบางทีอาจจะยังไม่เคยรู้ บิว วันนี้ทีมข่าวจะเปิดประวัติ ทำความรู้จักหนุ่มคนนี้กัน

จักรพันธ์ พุทธา ชื่อเล่น บิว
เกิดวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2537
เกิดที่จังหวัด สระบุรี
ส่วนสูง : 176 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 63 กิโลกรัม
อาชีพ : นักร้อง / นักแสดง
เข้าวงการ : ปี 2558
สังกัด : Be On Cloud
การศึกษา
ระดับปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
ช่องทางการติดตาม
Instagram : buildurluve
Twitter : Buildbuilddd
TikTok : buildingalove

บิวนักแสดงซีรีส์วาย
เส้นทางในวงการบันเทิง บิว

เริ่มเข้าวงการมาจากเข้าร่วมรายการ Cuteboy Thailand ในปี 2558 หลังจากนั้น บิว ก็มีผลงานในวงการบันเทิงมากขึ้น โดยมีผลงานแสดงเรื่องแรกในปี 2560 กับละครเรื่อง เหยื่อพยาบาท , ตราบาปสีชมพู แล้วก็พราวมุก กระทั่งมามีชื่อมาก ๆ กับซีรีส์ KinnPorsche The Series รับบทเป็น พีท

หัวหน้าบอดี้การ์ด ที่ค่อนข้างจะเป็นมิตรกับทุกคน ด้านนอกถึงแม้ พีท จะดูอารมณ์ขัน ไม่เป็นพิษเป็นภัย แต่ดูจากการฝึกสุดโหด
ก็ไม่ใช่เล่นแบบเดียวกัน!

ซึ่งซีรีย์เรื่องนี้ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่หนุ่มบิว ได้ลองฉีกบทการแสดงของตนเอง และอัพสกิลการแสดงเพิ่มขึ้น รวมไปถึงฉากเลิฟซีนที่ได้แสดงร่วมกับนักแสดงหนุ่ม ไบเบิ้ล วิชญ์ภาส จนถึงแฟน ๆ ต่างพากันฟิน แล้วก็จับให้เป็นอีกหนึ่งคู่จิ้นมีชื่อของเรื่องไปเป็นที่เรียบร้อย

บิว จักรพันธ์

ที่ผ่านมา บิว เคยตกเป็นข่าวสารโดนวิจารณ์ว่า

เจ้าตัวมีทัศนคติในเชิงดูถูกเพศ และล่วงละเมิดทางเพศ กระทั่ง #บิวจักรพันธ์ ติดเทรนด์ทวิตเตอร์มาแล้ว
ย้อนกลับไปเมื่อ เมื่อวันที่ 9 เดือนกรกฎาคม2557 บิว โพสต์เฟซบุ๊กว่า
“น่าแปลกที่บางคนแต่งตัวโป๊เปลือยโชว์ลงโลกออนไลน์ แต่กลับตั้งสเตตัสรณรงค์ข่มขืนแล้วประหาร แทนที่จะเริ่มจากตัวเอง (ความเห็นส่วนตัวอยากจะบอก)”

หรือวันที่ 9 มี.ค.2558 มีคนถามเจ้าตัวใน “Ask.fm” ว่า “ผมโดนเพื่อนผู้ชายในห้องข่มขืนทำยังไงดี” นักแสดงคนนี้ตอบกลับว่า “ถือโอกาสให้เป็นวิกฤตครับ ในเมื่อลองแล้ว ก็เป็นประสบการณ์ไปอีกแบบ ถือซะว่าชีวิตนี้คุ้มแล้วครับ ยิ่งเยอะยิ่งเลอะประสบการณ์”

วันที่ 26 ก.ค.2560 เจ้าตัวทวิตเนื้อความว่า “ใครเป็นคนริเริ่มความหมาย การก้มเก็บสบู่วะ ทุกวันนี้ทำสบู่ตก กูนี่ไม่กล้าก้มเก็บเลย ปล่อย…ละลายแม่น้ำไปเหอะ ลาก่อน”

วันที่ 2 สิงหาคม2560 “บิว” ทวิตข้อความว่า “ทีม #อิมเมจ ครับ เพราะผมชอบครับ”
โดยมีเพื่อนในทวิต เข้ามากำหนดใจความว่ากล่าว “ชอบที่…เด้งอ่ะนะ” โดยนักแสดงขวัญใจวัยรุ่น ตอบกลับว่า “กูว่าจะเพลเซฟล่ะนะ 555”

เมื่อ 8 ปีก่อนหน้านี้ เจ้าตัวก็ยังมีทัศนคติต่อเรื่องเพศไม่แตกต่างกัน ภายหลังมีคนถามว่า
“ถ้าผู้หญิงเดินผ่านจะดูอะไรเป็นอย่างแรก” ซึ่ง “บิว ” ตอบว่า “จมูกกับ…ครับ ว่าทำหรือธรรม(ชาติ)”

และยังมีอีกหลายโพสต์ที่ถูกลบออกไป ทำให้หลานคนออกมาเรียกร้องให้ บิว ออกมาขอโทษ
ซึ่งกระแสตอนนั้นแรงมาก ทำให้สุดท้าย บิว ต้องออกมาทวิตข้อความขออภัยในที่สุด
แล้วก็กับประเด็นล่าสุดที่เกิดขึ้น ทำให้ชื่อของบิว กลับมาโด่งดังอีกครั้งนั่นเอง

ทัวร์ลงหนัก ป. ด้านพี่สาวแฟน “บิว จักรพันธ์” แจกแจง

จากกรณีที่ “บิว จักรพันธ์” ถูกอดีตแฟนสาว ป.เปิดเผยเรื่องทำร้ายร่างกายแล้วก็ดำเนินคดีถึงที่สุดกระทั่ง ทาง Be On Cloud บริษัทสังกัดของ “บิว”ก็ได้ออกมาแถลงการณ์ผ่านทางโซเชียลรวมทั้งได้สั่งพักงานนักแสดงซีรีส์คนดัง

ปัจจุบัน ทางพี่สาวของหญิงที่คาดว่าเป็นคู่รักใหม่ บิว ชื่อ sheyshey ได้ออกมาอธิบาย ถึงเรื่องดังกล่าวว่าไม่รู้ว่า “บิว จักรพันธ์”
มีแฟนชื่อป. รวมทั้งเพิ่งรู้ดีว่า บิวเพิ่งจะเลิกคบกับ ก.

นอกเหนือจากนี้ในทวิตเตอร์ยังเข้าไปกระหน่ำ ป. ที่ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวของบิว โดยเธอโพสต์ว่า
ใครที่จะโดนกิ๊กฟ้องติดต่อปอยมานะคะพร้อมช่วยค่ะ เพราะมั่นใจกับหลักฐานที่มี แล้วการเราไปถามคุณคือพวกเราให้เกียรติคุณ เราขอความเห็นใจจากผู้หญิงด้วยกัน พวกเราพิมไปแล้วแต่พวกเราโดนนิ่งเฉย หรือเปล่าจริง ? เราเห็นคุณอ่านแต่คุณไม่ตอบ รอบตัวเรารับทราบหมด และแคปไว้หมดนะคะ

นอกจากนั้น ป ยังแจ้งว่า ไม่ต้องมีใครนอนทั้งนั้น ด่ากูเต็มไอจี สักพักมาขอโทษ แต่ไม่ลบนะ ฟังเพลงย้อนแย้งกัน ! เริ่ม!!!
ทั้งนี้ยังมีผู้เข้ามาทวงข้าวของเครื่องใช้แบรนด์เนมผ่านทวิตเตอร์ของ ป.มากมายด้วย

Soulmate

Soulmate ภาพยนตร์ใหม่ ‘คิมดามี – จอนโซนี’ แง้มเคมีมิตรภาพแสนพิเศษของ 2 เพื่อนสนิท

ผลงานรีเมคต้นฉบับภาพยนตร์จีนอันเลื่องชื่อ Soulmate จัดแจงมาสร้างความประทับใจในแบบฉบับเกาหลี ถ่ายทอดมิตรภาพอันแสนงดงามระหว่างคู่เพื่อนสนิท ให้ได้ซาบซึ้งไปพร้อมเพียงกันในเร็ว ๆ นี้

จอนโซนี

โดยล่าสุดทางผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ NEW ได้ปล่อยภาพโปสเตอร์เซ็ตแรก

ของ 2 นักแสดงนำหญิง อย่าง คิมดามี รวมทั้ง จอนโซนี ออกมา
ที่เผยให้มองเห็นเคมีที่เข้ากันอย่างพอดีของทั้งสองคน Soulmate (안녕 나의 소울메이트) รีเมคจากต้นฉบับภาพยนตร์จีน Soul Mate ซึ่งบอกเล่าเรื่องราว ของเพื่อนสนิท 2 คน มีโซ (สวมบทบาทโดย คิมดามี) และ ฮาอึน (สวมบทบาทโดย จอนโซนี) ที่ได้เติบโตไปพร้อมๆกับการแบ่งปันความอารมณ์ความรู้สึกกัน ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ใจ จนกระทั่งมิตรภาพของพวกเธอได้มาพบเจอกับบททดสอบครั้งใหญ่ เมื่อทั้งสองกลับตกหลุมรักผู้ชายคนเดียวกัน อย่าง จินอู (รับบทโดย บยอนอูซอก)

สำหรับต้นฉบับที่เป็นภาพยนตร์จีนนั้น เป็นกระแสที่พูดถึงอย่างมากในบรรดาผู้ชม เหตุเพราะเป็นผลงานกำกับของ Peter Chan ที่มีผลงานเลื่องชื่ออย่าง Comrades: Almost a Love Story รวมทั้งเป็นครั้งแรกที่นักแสดงนำหญิงทั้งสองคน เอารางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยม
ร่วมกัน บนเวทีงานประกาศรางวัลเทศกาลภาพยนตร์ Golden Horse Awards ของไต้หวัน

คิมดามี

ประวัติ คิมดามี (Kim Da Mi)

คิมดามี (Kim Da Mi) นักแสดงหญิงชาวเกาหลีใต้ 9 ม.ย. ค.ศ. 1995

คิมดามีเปิดตัวในฐานะนักแสดงในปีค.ศ. 2017 ในภาพยนตร์อินดี้เรื่อง Project With The Same Name
โดยเธอได้แสดงในตอน Hello, My Hard Work ในปีคริสต์ศักราช 2018 คิมดามีได้รับบทเป็นนักเรียนม. ปลายในภาพยนตร์ระทึกขวัญในเรื่อง Marionette แล้วก็ในปีเดียวกันเธอก็ได้รับบทนำในในภาพยนตร์แอ็คชั่นตื่นเต้นเรื่อง The Witch: Part 1 The Subversion โดยเธอได้ผ่านการคัดเลือกจากผู้สมัคร 1,500 คนที่เข้าคัดเลือกบทนี้ แล้วก็ในภาพยนตร์เรื่องนี้เธอได้รับเสียงชื่นชมในด้านการแสดงและการเล่นฉากแอ็คชั่นจนได้รับรางวัลนักแสดงหน้าใหม่

ในปีค.ศ. 2020 คิมดามี (Kim Da Mi) ได้แสดงซีรีส์เรื่องแรกเรื่อง Itaewon Class ซีรีส์ประเทศเกาหลีที่สร้างจากเว็บตูนในชื่อเดียวกัน โดยเธอได้รับรางวัล Baeksang Arts Award สาขานักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยม (โทรทัศน์) จากการแสดงของเธอ จากบท โจ อี้-ซอ (Jo Yi-seo) ที่เธอได้รับ และปีค.ศ. 2021 ได้แสดงซีรีส์เรื่อง Our Beloved Summer

ผลงานการแสดง

ภาพยนตร์
2017 Project With The Same Name
2018 Marionette เล่นบท Yoo Min-ah,The Witch: Part 1. The Subversion เล่นบท Koo Ja-yoon
TBA,Hello, My Soulmate รับบท Ahn Mi-so,The Witch: Part 2. สวมบท Koo Ja-yoon

ซีรีส์
2020 Itaewon Class สวมบท Jo Yi-seo
2021–2022 Our Beloved Summer สวมบท Kuk Yeon-su

รายการโทรทัศน์
2021 Off The Grid

รางวัลที่เคยได้รับ
ปี 2018

Asia Artist Awards สาขา Rookie Award
Blue Dragon Film Awards สาขา Best New Actress
Buil Film Awards สาขา Best New Actress
Director’s Cut Awards สาขา Best New Actress
Elle Style Awards สาขา Elle Next Icon
Fantasia International Film Festival สาขา Cheval Noir Award for Best Actress
Grand Bell Awards สาขา Best New Actress
Korea Youth Film Festival สาขา Popular New Actress
London Asian Film Festival สาขา Rising Star Award
Marie Claire Asia Star Awards สาขา Rising Star Award
Sports DongA Awards สาขา 어디 있다 이제 왔니상
The Seoul Awards สาขา Best New Actress

ปี 2019

KOFRA Film Awards สาขา Best New Actress
Korea Youth Film Festival สาขา Popular New Actress
Olleh TV Movie of the Year Awards สาขา Big 6 Actor

ปี 2020

Baeksang Arts Awards สาขา Best New Actress – Television
Korea First Brand Awards สาขา Best New Actress

ฮวังมินฮยอน

ฮวังมินฮยอน จัดแจงปรากฏตัวในรายการ Boys Planet พร้อมเปิดเผยความประทับใจในฐานะ ‘ศิลปินรุ่นพี่’

ฮวังมินฮยอน ศิลปินและก็นักแสดงชายหนุ่ม ที่เพิ่งจะฝากผลงานการแสดงให้ได้รับดูกันไปไม่นาน
อย่างซีรีส์เรื่อง Alchemy of Souls 1-2 (2022) ที่ได้รับความรักอย่างล้นหลาม ปัจจุบันทาง Mnet ได้มีการเผยว่า ฮวังมินฮยอน จะเข้าร่วมรายการ Boys Planet (보이즈 플래닛) ในฐานะ Star Master! คนแรกในรายการ โดยเจ้าตัวได้มีการเผยถึงความประทับใจ พร้อมบอกเล่าความรู้สึกในฐานะ ‘ศิลปินรุ่นพี่’

Star Master เป็นระบบแบบใหม่ที่นำมาใช้ในรายการ Boys Planet เป็นครั้งแรก! เนื่องจากปกติแล้ว พิธีกรหนึ่งคนจะเข้าร่วมรายการตั้งแต่ต้นกระทั่งจบ แต่ Boys Planet จะชักชวนผู้ที่อยู่ในวงการบันเทิงมาให้คำแนะนำ ซึ่งจะทำหน้าที่เป็น Star Master เพื่อช่วยเหลือแล้วก็สนับสนุนเหล่าเด็กฝึกให้ก้าวสู่การเป็นไอดอลในอนาคต พร้อมทั้งแชร์ประสบการณ์รวมทั้งเป็นแบบอย่างให้กับพวกเขา

ดาราเกาหลีฮวังมินฮยอน

ล่าสุด ฮวังมินฮยอน จะได้มาสู้หน้าที่เป็น Star Master คนแรก!

ในรายการ Boys Planet ซึ่งได้พิสูจน์ให้มองเห็นถึงความสามารถแล้วก็ความสามารถอย่างรอบด้าน ผ่านผลงานรวมทั้งกิจกรรมต่าง ๆ ที่ได้เข้าร่วม ทั้งยังในฐานะศิลปินแล้วก็นักแสดง ทั้งยังยังเป็นศิลปินรุ่นพี่
ที่เหล่าเด็กฝึกหัดต่างเลือกเป็นต้นแบบสู่ความสำเร็จมากที่สุด นอกนั้น ยังคาดว่า ฮวังมินฮยอน จะเป็นมาสเตอร์ที่สามารถให้คำแนะนำอย่างตรงไปตรงมาและก็ปูทางให้กับเด็กฝึกซ้อมได้เป็นอย่างดี เนื่องมาจากเขาเป็นไอดอลที่ได้รับความรักอย่างมากมายจากเหล่าแฟนคลับ อีกทั้งในประเทศแล้วก็ต่างประเทศ ตั้งแต่ได้ทำหน้าที่เป็นสมาชิกของวง Wanna One ในปี 2560

สำหรับคลิปแนะนำ ‘ฮวังมินฮยอน’ ในฐานะ Star Master คนแรกในรายการ ที่ทาง Mnet
ได้ปล่อยออกมานั้น เจ้าตัวได้เผยถึงความประทับใจ พร้อมด้วยให้การเกื้อหนุนและก็ส่งกำลังใจอย่างเต็มที่ และก็เผยบทบาทในรายการ โดยจะทำหน้าที่ปูทางให้กับเด็กฝึกหัดกว่า 90 ชีวิต แล้วปิดท้ายว่า

“ผมหวังว่าประสบการณ์ที่ผ่านมาของผมจะได้มีส่วนช่วยให้กับเหล่าเด็กฝึกทุก ๆ คน เพราะผมเข้าใจถึงความรู้สึกอย่างแท้จริงของเด็กฝึกที่เข้าร่วมรายการ Boys Planet และผมเชื่อว่าเด็กฝึกหัดทุกคนคืออนาคตของวงการเคป๊อปที่สมควรได้รับการส่องแสง” ฮวังมินฮยอน

นักแสดงฮวังมินฮยอน

ส่อง 5 ผลงาน Hwang Min Hyun พระรองสุดหล่อจากซีรีส์ Alchemy of Souls

1. ภาพยนตร์ Their Distance (2016) สวมบทบาทเป็น นัมซังซู

ฮวังมินฮยอน Hwang Min Hyun เริ่มเป็นเด็กฝึกฝนค่าย Pledis Entertainment ตั้งแต่อายุ 15 ปี หลังจากนั้น

เดบิวต์เป็นนักร้องวง NU’EST ที่มีสมาชิก 5 คน มินฮยอน (ฮวังมินฮยอน), เรน (ชเวมินกิ), อารอน, แบคโฮ (คังดงโฮ), รวมทั้งเจอาร์ ในตำแหน่งนักร้องนำ

รวมทั้งวิชวลของวง ปล่อยเพลงแรกเพลง Face ในวันที่ 15 มีนาคม 2012 นับเป็นวงน้องใหม่ที่น่าเฝ้าดู

และก็ได้รับความชื่นชอบในระดับหนึ่ง แต่หลังแล้วต่อจากนั้นพวกเขาต้องพบเจอการชิงชัยจากไอดอลที่ผุดขึ้นใหม่มากมาย NU’EST จึงหันหน้าไปบุกตลาดที่จีนแล้วต่อด้วยญี่ปุ่น ช่วงนั้นเองก็เลยมีผลงานภาพยนตร์ประเทศญี่ปุ่นเรื่อง Their Distance (2016) ออกมาให้รับชม

ภาพยนตร์ Their Distance 知らない、ふたり (2016) บรรยายเรื่องราวของ ลีออน (เรน NU’EST) ชายหนุ่มช่างทำรองเท้า ที่มีความหลังฝังใจ จากการปั่นจักรยานผ่าไฟแดง แล้วก็มีชายหนุ่ม อราคะวะ (Serizawa Tateto) เดินตามจนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุ

บาดเจ็บถึงกับขนาดพิการ เหตุการณ์คราวนี้ทำให้ลีออนมีนิสัยเย็นชา เงียบขรึม วันหนึ่งระหว่างเดินไปทานอาหารกลางวันที่มุมประจำผู้เดียว ลีออนได้พบกับ โซน่า (คันฮาเน่) หญิงสาวร้านค้าสะดวกซื้อที่กำลังนอนจากอาการเมาค้างตรงเก้าอี้ประจำของเขา ด้วยความตกใจโซน่าเดินจากไปอย่างเร่งรีบกระทั่งส้นร้องเท้าหัก

และเพื่อนร่วมงาน ซังซู (มินฮยอน NU’EST) อาสานำรองเท้าไปซ่อมแซมให้ จนกระทั่งได้เจอกับ โกกะเซ่ (ออยากิ ฟูมิโกะ) พนักงานที่มีหน้าที่สำหรับต้อนรับร้านค้ารองเท้า ซังซูหลงรักความน่ารักของโกกะเซ่ ส่วนสาเหตุที่โซน่าเมาค้างนั้นเพราะว่าเสียใจที่

จีอู (เจอาร์ NU’EST) แฟนชายหนุ่มมาพูดว่าเขาชอบ คานาโกะ (คินามิ ฮารุกะ) ครูสอนภาษาญี่ปุ่น เรื่องราวความข้องเกี่ยวของ 3 สาว 4 ชายหนุ่มจะเป็นอย่างไรต้องไปติดตาม เป็นภาพยนตร์แนวโรแมนติก เมลโล่ดราม่า

ดำเนินเรื่อง ออกเนิบ ๆ สโลว์ ๆ แอบง่วง แต่เนื้อเรื่องน่าติดตาม อยากรู้ใครจะคู่กับใคร บทสรุปจะเป็นอย่างไร ที่แน่ ๆ สามชายหนุ่ม NU’EST เรน, มินฮยอน รวมทั้งเจอาร์ หล่อใสออร่าพุ่งกันทุกคน หนุ่มมินฮยอนกับบทหนุ่มบุคลากรร้านสะดวกซื้อ ผู้ตั้งใจจริงกับการทำงาน

และก็แอบหลงใหลสาวญี่ปุ่น ถึงขั้นเขียนเขียนหมายบอกรัก ก็สวย

แสดงดีเป็นกลางชาติ หากมีหนุ่มหล่อขนาดนี้มาบอกรักมันต้องตอบรับรักแล้วป่ะ แต่ในเรื่องจะเป็นอย่างไรต้องไปติดตาม สามารถเช่ารับชมผ่าน AppleTV หนังยาว 106 นาที

2. เพลง Universe (2019)

NU’EST ทำเพลงแล้วก็ออกอัลบั้มที่ญี่ปุ่นอยู่ประมาณปีกว่า ๆ ปลายปี 2016 พวกเขาก็กลับมาประเทศเกาหลี

แต่กระแสของวงก็ยังไม่ค่อยสดใสเท่าไร่ ในปี 2017 ค่าย Pledis Entertainment จึงส่งพวกเขาเข้าร่วมรายการ Produce 101 Season 2 ซึ่งมีสมาชิก 4 คนเข้าร่วมประกอบด้วย มินฮยอน, เรน, เจอาร์

และแบคโฮ ขาดก็แต่อารอนที่ติดปัญหาสุขภาพ ซึ่งในการเข้าร่วมแข่งขันคราวนี้

มินฮยอนสามารถทำคะแนนได้เป็นอันดับ 9 เป็นสมาชิกวงเพียงแต่อันเดียว ที่ได้เดบิวต์ในวงสมาชิกใหม่ Wanna One วงที่รวมผู้ชนะ 11 อันดับแรกของรายการ Produce 101 ซึ่งระหว่างเป็นสมาชิกวง Wanna One มินฮยอนก็จะหายหน้าไปจากวง NU’EST ประมาณปีกว่า ๆ

ในปี 2019 มินฮยอนกลับมาร่วมกลุ่ม NU’EST อีกครั้งหลัง

Wanna One ประกาศดิสแบนด์วงเป็นที่เรียบร้อย โดยการกลับมาคราวนี้มินฮยอนได้ร้องโซโลซิงเกิ้ล เพลง Universe ซึ่งเป็นเพลงในมินิอัลบั้มที่ 6 ของวง กับอัลบั้ม Happily Ever After อัลบั้มต้อนรับการกลับมาของมินฮยอน ร้องเพราะเหตุว่ามว้าก เสียงดีสุด ๆ ให้คลิปช่วยรับรอง

3. ซีรีส์ Live On (2020) สวมบทเป็นโกอึนแทค

ต่อมาในปี 2020 มินฮยอนเดบิวต์มีผลงานเว็บซีรีส์ ที่เขาเล่นบทเป็นพระเอกเรื่องแรกกับซีรีส์เรื่อง Live On รักวัยใสหัวใจออนแอร์ 이브온 (2020)
โดยเขาสวมบทเป็นโกอึนแทค (มินฮยอน) หัวหน้าชมรมกระจายเสียง ชายหนุ่มเจ้าระเบียบ รักการตรงต่อเวลา รังเกียจคนโกหก
เมื่อชมรมเปิดรับสมัครสมาชิก แบคโฮรัง (จองดาบิน) เด็กนักเรียนสาวสุดป็อป ภายนอกดูราวกับเป็นคนนิสัยเย่อหยิ่ง สนใจแต่ตนเอง แต่จริง ๆ เป็นคนโก๊ะ ๆ สนใจสมัครเข้าร่วมชมรม โดยแอบซ่อนเป้าหมายที่ตามที่เป็นจริงนั่นคือการตามหา ผู้ไม่หวังดีที่พยายามขุดคุ้ยอดีตที่เธอซ่อนไว้ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป อดีตที่แบคโฮรังต้องการจะหลบซ่อนไว้คืออะไร

และความเกี่ยวเนื่องของอึนแทครวมทั้งโฮรังจะจบอย่างไรต้องไปติดตาม เรื่องนี้มินฮยอน หล่อเท่ เนี้ยบสมคาแรกเตอร์ เคมีกับสาวจองดาบิน ดูแล้วใจเต้นตึกตัก ลุ้นไปกับความรักของทั้งคู่ ใครชอบแนวรักวัยศึกษา ไม่พลาดกันนะคะ เรื่องนี้ยังรวมแก๊งชายหนุ่มหล่อสาวสวยไว้แน่นอย่าง โนจงฮยอน ยังฮเยจี ยอนอู (วง Momoland) แล้วก็ ชเวบยองชาน (วง Victon)

4. เพลงประกอบซีรีส์ The Red Sleeve (2021)

หลังจากชนะการชิงชัย Produce 101 ในปี 2017 และก็ได้เดบิวต์เป็นสมาชิกวง Wanna One ก็ทำให้วง NU’EST ได้รับความนิยมสูงมากขึ้นด้วยเช่นกัน การชนะการชิงชัยคราวนั้นเป็นเครื่องการันตีความสามารถในการร้องของมินฮยอน ซ้ำเติมกันอีกทีกับการร้องประกอบซีรีส์ The Red Sleeve นางในใจกล้า (2021) ซีรีส์ย้อนยุคดราม่าผลงานของ อีจุนโฮ

และอีเซยอง เรื่องราวความรักข้ามชนชั้นขององค์รัชทายาทกับนางใน เพลงที่มินฮยอนร้องชื่อเพลง I’ll Be With You Every Day เป็น OST. Part 4 จังหวะทำนองเต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์และบรรยากาศชวนฝัน แสดงถึงความรู้สึกอบอุ่นของผู้ชายที่มีให้แก่หญิงอันเป็นที่รัก

จากเนื้อร้อง อยู่กับฉัน / เป็นดอกไม้ผลิบานให้ฉัน / เธอคือหนึ่งเดียวในใจฉัน มินฮยอนถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของอีซานออกมาได้ซึ้งจับใจ ด้วยเสียงร้องอันเพราะเป็นเอกลักษณ์ รับดู The Red Sleeve ได้ทาง Viu มี 17 ตอน ตอนละ 80 นาที

5. ซีรีส์ Alchemy of Souls (2022) รับบทเป็น ซอยุล

ซีรีส์ Alchemy of Souls เล่นแร่แปรวิญญาณ 환혼 (2022) เล่าเรื่องราวของมือสังหาร นักซู ที่ระหว่างปฏิบัติภาระหน้าที่กิจบาดเจ็บจวนตาย ได้แปรวิญญาณแต่ดันไปอาศัยอยู่ในร่างสาวตาบอดอ่อนแอ มูด็อกกี (จองโซมิน) ที่ถูก จางอุค (อีแจอุค) ผู้สืบสกุลเชื้อสายสูงส่งจับไปเป็นสาวใช้

จางอุครู้ว่ามูด็อกกี คือนักซูที่แปรวิญญาณมา เขาอยากให้เธอช่วยสอนพลังเวทย์ให้ เหตุเพราะในอาณาจักรแดโฮไม่มีใครกล้าละเมิดคำสั่งจางกัง (จูซังอุค) บิดาของเขาที่สั่งห้ามทุกคนสอนเวทมนตร์

รวมทั้งเปิดประตูพลังเวทย์ให้เขา เรื่องราวความเชื่อมโยงของเจ้านายกับสาวใช้ และลูกศิษย์กับอาจารย์จะวุ่นวายเพียงใด ต้องไปติดตาม เรื่องนี้ ฮวังมินฮยอน รับบทเป็น ซอยุล อัจฉริยะแห่งตระกูลซอ ชายหนุ่มหล่อแสนเพอร์เฟกต์ เฉลี่ยวฉลาดรอบรู้ เก่งการต่อสู้ สง่างามเหมือนกับแสงสีทองอร่ามในฤดูใบไม้ตก แต่ใสซื่อ

รวมทั้งช่างฝัน ในวัยเด็กซอยุลเป็นเพื่อนเล่นกับนักซู เคยให้นกหวีดไม้ที่สร้างขึ้นเองกับมือเป็นของขวัญแทนใจให้กับ แต่ที่แน่นอนที่สุดก็คือความหล่อของมินฮยอน หล่อออร่ากระจายสุด ๆ ดูแล้วใจเต้นตึกตักรัว ๆ ซีนต่อสู้แสดงเก่ง เท่บาดใจไปเลย

อีแจอุค

อีแจอุค เล่าเบื้องหลังการจัดแจงถ่ายทำซีรีส์ Alchemy Of Souls และเหตุผลที่ทำให้เกือบจะปฏิเสธบทนี้

แม้ว่าซีรีส์ Alchemy of Souls: Light and Shadow หรือ Alchemy of Souls พาร์ท 2 จะได้เดินทางมาสู่บทสรุปของเรื่องได้อย่างน่าประทับใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่เรื่องราวของเหล่านักแสดงที่ได้พูดถึงผลงานนี้ก็น่ากล่าวชมเชยไม่ต่างกัน ซึ่งทางด้านของนักแสดงนำหลักของเรื่องอย่าง อีแจอุค ก็ได้มีโอกาสออกมาเล่าถึงเบื้องหลังการเตรียมตัวถ่ายทำซีรีส์ และก็เผยเหตุผลที่ทำให้เจ้าตัวเกือบจะไม่ยอมรับไม่รับแสดงเรื่องนี้

ในซีรีส์เรื่องนี้ อีแจอุค รับบทบาทเป็น นายน้อยจางอุค แห่งตระกูลจาง ผู้ที่เติบโตมาพร้อมกับโชคชะตาชีวิตอันแสนน่าเศร้า
เพราะเหตุว่าเขาเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่สามารถเปิดประตูพลังได้อย่างคนอื่น ๆ
ซึ่งก่อนที่เขาจะได้มาสวมบทบาทดังกล่าว เจ้าตัวก็ได้เปิดเผยว่าก่อนหน้านั้นเขาเคยแทบปฏิเสธไม่รับแสดงเล่นเรื่องนี้มาก่อน
โดย อี แจอุค ได้กล่าวว่า ““ตอนนั้นผมคิดว่าบทมันยากเกินไปครับ และผมจะสามารถทำผลงานนี้ออกมาได้ดีหรือเปล่า แต่สุดท้ายผมก็คิดว่ามันเป็นอีกหนึ่งความท้าทายอย่างนึง ถ้าหากผมไม่เริ่มทำในตอนนี้ ผมจะได้ทำอีกหรือไม่ และจากมุมมองของนักแสดง ผมก็ค่อนข้างพึงพอใจกับผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นอย่างมากครับ ซึ่งสุดท้ายแล้วผมไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้รับบทบาทเช่นนี้อีกเมื่อไหร่ มันจึงค่อนข้างมีความหมายสำหรับผมมากครับ”

อีแจอุคเล่าเบื้องหลัง

แน่นอนว่าบทบาทของเขาออกจะท้าทายความสามารถเป็นอย่างมาก

เพราะฉะนั้นเขาจึงได้เตรียมอย่างหนักสำหรับบทบาทนี้ ซึ่ง อี แจอุค ได้มีโอกาสออกมาเล่าเบื้องหลังของการเตรียมความพร้อมนี้ว่า “เพราะในซีรีส์เรื่องนี้มีฉากแอ็กชั่นค่อนข้างเยอะแยะ ผมจึงได้ไปเตรียมพร้อมสำหรับศิลปะการต่อสู้ต่าง ๆ ล่วงหน้า ก่อนถ่ายทำถึง 3 เดือน รวมทั้งด้วยความที่ผมต้องถ่ายฉากแอ็กชั่นมาก ผมก็เลยต้องฝึกซ้อมเยอะแยะกว่านักแสดงท่านอื่น ๆ จนถึงมันทำให้ผมรู้สึกได้ถึงเสน่ห์ของการใช้ดาบเลยครับ
และในระหว่างการถ่ายทำถึงแม้ว่าจะได้รับการบาดเจ็บบางส่วน แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยดีโดยไม่มีใครได้รับการบาดเจ็บครับ”
ซึ่งเขาได้กล่าวเสริมอีกด้วยว่า “ถึงแม้มันจะยาก แต่ผมมีความรู้สึกว่าผมมีพรสวรรค์ในด้านนี้ครับ”

ซีรีส์ Alchemy of Souls เป็นซีรีส์แนวแฟนตาซี โรแมนซ์ ย้อนยุคฟิวชั่น

ที่เกิดขึ้นในอาณาจักรแดโฮ ดินแดนสมมติที่ไม่ปรากฏอยู่บนแผนที่หรือในประวัติศาสตร์ เล่าเรื่องราวของเหล่าจอมเวทที่พบเจอกับชะตาชีวิตที่กลับจากการแปรวิญญาณ
สามารถติดตามรับชมซับไทยอีกทั้ง 2 พาร์ท ได้ที่ Netflix

เปิดประวัติ ‘อีแจอุค’ นักแสดงผู้เฉิดฉายในวงการแบบก้าวกระโดด

เจ้าของบทบาท ‘นายน้อยจางอุค’ แห่งซีรีส์ Alchemy of Souls

อี แจอุค (Lee Jae-Wook, 이재욱) เกิดวันที่ 10 เดือนพฤษภาคม ปี 1998
ตอนนี้อายุ 24 ปี (นับแบบสากล) ซึ่งเขาสามารถเข้าศึกษาในระดับชั้นปริญญาตรี เอกภาพยนตร์แล้วก็การละคร (Theater and Film) ที่มหาวิทยาลัยจุงอัง (Chung-Ang University) รวมทั้งขณะนี้กำลังอยู่ภายใต้การดูแลของต้นสังกัด C-JeS Entertainment โดยเจ้าตัวได้เริ่มก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2018 และก็ได้แจ้งเกิดทันที หลังจากเดบิวต์ผลงานเรื่องแรกภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี ไม่เพียงแค่เท่านั้นผลงานต่าง ๆ ที่เขาได้แสดง ก็ยังเป็นผลงานที่ได้รับกระแสตอบรับที่ดีเกือบทุกเรื่องเช่นกัน

สำหรับผลงานแรกที่พา อี แจอุค ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงและได้เดบิวต์เป็นนักแสดงอย่างเป็นทางการ ผ่านซีรีส์ Memories of the Alhambra (2018) กับบทบาทของ มาร์โค ที่ต้องบอกก่อนเลยว่าถึงแม้บทบาทนี้จะเป็นเพียงตัวละครสมทบเท่านั้น แต่เขาก็สามารถถ่ายทอดออกมาได้อย่างน่าประทับใจไม่แพ้กับนักแสดงท่านอื่น ๆ เลยถึงแม้แต่น้อย

ต่อมาในปี 2019 อี แจอุค ก็เริ่มได้รับความสนใจมากเพิ่มขึ้น จากบทบาทของ ซอลจีฮวาน ในซีรีส์เรื่อง Search : WWW (2019) ที่ในครั้งนี้เขาได้ร่วมแสดงกับนักแสดงสาวมากประสบการณ์อย่าง อีดาฮี แล้วก็แน่นอนว่าแม้ในซีรีส์เรื่องนี้เขาจะต้องสวมบทบาทเป็นชายหนุ่มวัย 30 ปี แต่ก็ไม่นับเป็นอุปสรรคต่อการแสดงของเขาเพียงอย่างใด ที่สำคัญเคมีระหว่างเขาและอีดาฮี ก็ออกมาดีมากเสียจนทำเอาคนดูอย่างเราต่างเขินไปตาม ๆ กัน

ซีรีส์ Alchemy Of Souls

โดยภายในปีเดียวกันนี้เอง อี แจอุค ก็มีงานจ่อตลอดไม่มีพัก

เพราะว่านอกเหนือจากเขาจะได้โอกาสได้เดบิวต์ผลงานบนจอเงินครั้งแรกกับภาพยนตร์เรื่อง Battle of Jangsari (2019) แล้วนั้น ผลงานจอแก้วอย่างซีรีส์เรื่อง Extraordinary You (2019) ก็ได้ส่งเขาขึ้นสวมบทนำเป็นครั้งแรก กับบทบาทของ แบคคยอง ชายหนุ่มแบดบอยสุดกร้าวใจที่ขโมยหัวใจสาว ๆ ไปได้มากมาย กระทั่งเหล่าผู้ชมต่างยกตำแหน่งพระรองแห่งชาติให้กับเขาในทันที

ภายหลังจากที่ซีรีส์เรื่องดังกล่าวออกอากาศไปได้ไม่นาน กระแสความโด่งดังของ อี แจอุค ก็เริ่มถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อย ๆ จนในปี 2020 เขามีงานแสดงถึง 2 ผลงานด้วยกัน กับซีรีส์อบอุ่นหัวใจอย่าง When the Weather Is Fine (2020) ในบทบาทของ อีจางอู เพื่อนสนิทของ อิมอึนซอบ (สวมบทโดย ซอคังจุน) ที่ภายในซีรีส์เรื่องนี้เขาได้เผยให้เห็นอีกหนึ่งลุคที่แตกต่างไปจากผลงานก่อนหน้าอย่างทั้งมวล และก็ได้ผันตัวกลายเป็นชายหนุ่มที่เบิกบานสดใสรวมทั้งขำขันอยู่เสมอ กระทั่งเหล่าแฟนคลับต่างเอ็นดูกันถ้วนหน้า

ไม่เพียงแค่เท่านั้น ภายในปี 2020 นี้ก็ได้ตอกย้ำความสำเร็จของ อี แจอุค มากขึ้นไปอีกขั้น เพราะว่าในปีนี้เขาได้ขึ้นแท่นเป็น
พระเอกอย่างเต็มกำลังหนแรก เกาะติดคู่กับนักแสดงสาว โกอารา ในซีรีส์เรื่อง Do Do Sol Sol La La Sol (2020) กับบทบาทของ ซอนอูจุน ผู้ชายผู้รักอิสระที่เติบโตมาโดยไม่มีความหวังรวมทั้งความฝัน ซึ่งตัวละครนี้ก็นับเป็นอีกหนึ่งบทบาทที่เขาได้รับคำชื่นชมจากผู้ชมไปได้อย่างล้นหลามเช่นกัน

ต่อมาไม่นานในปี 2022 อีแจอุค ก็เจิดจรัสในวงการมากขึ้นกว่าเดิม

จนเรียกได้ว่าเป็นพัฒนาการที่ก้าวกระโดดแบบมองเห็นได้ชัด ด้วยเหตุว่าในปีนี้เขาได้กลับมาขึ้นแท่นสวมบทเป็นพระเอกอีกครั้ง ผ่านซีรีส์แนวแฟนตาซี-ย้อนยุคชื่อดังเรื่อง Alchemy of Souls (2022) ในบทบาทของ นายน้อยจางอุค แห่งตระกูลจาง ผู้ที่เติบโตมาพร้อมกับโชคชะตาชีวิตอันแสนน่าสังเวช เนื่องมาจากเขาเป็นเพียงผู้เดียวที่ไม่สามารถเปิดประตูพลังได้ แต่ในท้ายที่สุดเขาก็เติบโตขึ้นและกลายมาเป็นนายน้อยจางอุคที่ได้รับความรักจากเหล่าผู้ชมไปได้มากมาย ซึ่งสำหรับแฟนคลับท่านใดที่อยากมองเห็นความถนัดการแสดงที่น่าประทับใจของ อี แจอุค มากขึ้นกว่าเดิมแล้วนั้น ก็สามารถติดตามผลงานการแสดงที่ผ่านมา รวมไปถึงซีรีส์ Alchemy of Souls พาร์ท 2 หรือ Alchemy of Souls: Light and Shadow ซึ่งขอบอกเลยว่า ถึงแม้เขาจะสวมบทบาทนายน้อยจางอุคอย่างเดิม แต่ในพาร์ท 2 พวกเราจะได้เห็นเสน่ห์ที่แตกต่างออกไป แล้วก็พัฒนาของตัวละครที่เติบโตขึ้น ที่ อี แจอุค ถ่ายทอดออกมาได้อย่างดีเลยทีเดียว

อีดาฮี

อีดาฮี มาไทยสุดประทับใจ! เจอป้ายโฆษณาโปรโมตซีรีส์ตนเอง  โพสต์คลิปบอกคำไทยอย่างน่ารักน่าเอ็นดู ยินดีแฟน ๆ ทักอบอุ่น

ดูดุจว่าการมาเยี่ยมประเทศไทยของ นักแสดงสาว อีดาฮี ในครั้งนี้
จะทำเธอประทับใจเป็นอย่างมาก กระทั่งทำเจ้าตัวโพสต์แชร์ภาพและเล่าความประทับใจขณะอยู่เมืองไทยมาให้แฟนคลับได้ชื่นใจไปตาม ๆ กัน

อีดาฮีมาไทย

โดย อีดาฮี ได้โพสต์ภาพป้ายโฆษณาซีรีส์ Island

ซึ่งเป็นผลงานการแสดงชิ้นปัจจุบันของคุณ ที่ขึ้นบนหน้าเจอโฆษณาบริเวณหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ที่คุณเจอเจอระหว่างมาประเทศไทย ลง Instagram ส่วนตัวของเธอ เมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา ว่า

“ฉันเห็นโปสเตอร์และก็วิดีโอโปรโมตซีรีส์ Island เวลาที่ผ่านตามท้องถนนในประเทศไทยตลอดเลย หวังว่าคุณจะให้ความรักกับซีรีส์เรื่องนี้กันมาก ๆ นะคะ”

ในวันต่อมา นักแสดงสาว ก็ยังได้โพสต์คลิปวิดีโอสั้น ๆ ที่พูดเป็นภาษาไทย ถึงแฟนคลับว่า “ราตรีสวัสดิ์” พร้อมกับส่งรอยยิ้มหวาน ๆ ในลุคชุดราตรีลูกไม้สีส้มในวันที่พักผ่อนจากการทำงาน กับเนื้อความแคปชั่นที่เขียนถึงแฟน ๆ ชาวไทย ว่า

“คนไทยใจดีมาก ๆ เลยค่ะ น่ารักมาก ๆ เลยที่ดูซีรีส์ Island และจากนั้นก็เข้ามาทักฉันกันเยอะแยะมาก
ได้ยินว่าในไทยเรียกฉันว่าออนนี่กันด้วย🥹 Love Island Love Thailand❤️ ฉันรักคุณ❤️ราตรีสวัสดิ์💋”

อีดาฮี มาไทยสุดประทับใจ

อีดาฮี ได้เดินทางมาประเทศไทย

เพื่อเข้าร่วมงาน Golden Disc Awards ครั้งที่ 37 ในฐานะหนึ่งในพิธีกรปฏิบัติงาน
โดยงานได้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ณ ราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา

ขณะนี้ อีดาฮี เริ่มจะมีผลงานการแสดง ในซีรีส์แอคชั่น-แฟนตาซี Island ซึ่งเป็นซีรีส์ที่บอกกล่าวเรื่องราวการต่อสู้กับปีศาจชั่วร้ายที่มีความมุ่งหมายจะเผาผลาญโลกบนเกาะเชจู นำแสดงโดย คิมนัมกิล อี ดาฮี ชาอึนอู ซองจุน ซึ่งแฟน ๆ ชาวไทยสามารถรับดูได้ผ่านทางแพลตฟอร์ม Prime Video

สัมภาษณ์นักแสดงนำ Island คิมนัมกิล-อี ดาฮี-ชาอึนอู-ซองจุน ซีรีส์แอคชั่นแฟนตาซีที่ละลานตาตั้งแต่เห็นนักแสดง

ซีรีส์แนวแอคชั่น-แฟนตาซีที่ผู้คนจำนวนมากรอคอย Island (เกาะปีศาจ)
ผลงานนี้ไม่เพียงแค่ดึงดูดความสนใจตั้งแต่แรกเห็นนักแสดง ที่รวมกลุ่มเหล่าแคสต์คาริสม่าทรงอำนาจ อย่าง คิมนัมกิล อี ดาฮี ชาอึนอู และ ซองจุน เท่านั้น แต่เรื่องราวในซีรีส์ยังมีความน่าสนใจ ในการนำเอาตำนานบนเกาะเชจู ความเลื่อมใสทางศาสนา มาผสมผสานอยู่ในเรื่องราว ที่การันตีคุณภาพตั้งแต่ต้นฉบับที่เป็นการ์ตูน/เว็บตูนที่ได้รับความนิยมถล่มทลาย ก็เลยไม่แปลกใจที่ผลงานนี้จะได้รับความคาดหวังเป็นอย่างสูง

ซีรีส์ Island

Island (เกาะปีศาจ) บอกกล่าว

เรื่องราวบรรยายเรื่องราวการต่อสู้กับปีศาจแล้วก็การป้องกันโลก ณ เกาะเชจูอันงดงาม ผ่านตัวละคร บัน (เล่นบทโดย คิมนัมกิล) ครึ่งคนครึ่งปีศาจผู้ที่ต่อสู้กับสิ่งชั่วร้ายมายาวนานนับพัน ๆ ปี ได้มาพบกับ วอนมีโฮ (สวมบทโดย อีดาฮี) ผู้สืบสกุลตระกูลเศรษฐีที่ย้ายมาอยู่เกาะเชจู คุณมีโชคชะตาที่ตกเป็นเป้าของปีศาจชั่วร้าย รวมทั้ง โยฮัน (รับบทบาทโดย ชาอึนอู) บาทหลวงปราบผีชำนาญ ได้รับมอบหมายให้มาทำภารกิจคุ้มครองวอนมีโฮบนเกาะเชจู

นักแสดงนำอีกทั้ง 4 คิมนัมกิล อี ดาฮี ชาอึนอู รวมทั้ง ซองจุน ท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเย็น ในวันหิมะตก แต่ละคนได้เผยตัวอย่างสง่างามเฉพาะหน้าเราในบ้านฮันอก (บ้านโบราณเกาหลี) ที่ตั้งอยู่บนอาคารมูลนิธิอนุรักษ์วัฒนธรรม Arumjigi ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ คิมนัมกิล มาในลุค all-black สูทสีดำอย่างรูปหล่อ ทักทายสื่อมวลชนด้วยความตื่นเต้นอารมณ์ดี , อี ดาฮี มาในลุคเดรสสีแดงที่สวยสง่า จนทำทุกคนพร้อมใจกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘สวยมาก’ ทันทีที่เจอ , ชาอึนอู มาในลุคสบาย ๆ ใส่เสื้อสเวตเตอร์สีน้ำตาล กางเกงยีนส์ ที่แผ่ออร่ามาแต่ไกล รวมทั้ง ซองจุน มาในลุคสูทดำ all-black มาดสมาร์ต แต่มีท่าทีเขินอายน่าเอ็นดู

ในบทความสัมภาษณ์พิเศษนี้ จะพาทุกคนมารู้เบื้องหลังเกี่ยวกับซีรีส์ Island มากขึ้น โดยยิ่งไปกว่านั้นเรื่องการแสดงของแต่ละคน
ว่าพวกเขาจุดโฟกัสการแสดงถูกจุดไหน รวมทั้งเตรียมการแสดงกันอย่างไรบ้าง

ในซีรีส์ Island ตัวละครของคุณคิมนัมกิล มีอาวุธประจำตัวเป็นกริช ต้องการให้คุณช่วยเล่าเกี่ยวกับอาวุธนี้หน่อยค่ะว่าเป็นอย่างไรบ้าง

คิมนัมกิล : เป็นอาวุธขนาดเล็กที่มีชื่อว่า ‘금강저’ (อ่านว่า กึมคังจอ) ครับ เดิมทีแล้วเป็นอาวุธทางศาสนาที่มีความเกี่ยวข้องกับความอยุติธรรมและความดีงาม ด้วยเหตุนี้ผู้ที่ไม่เคยผ่านการฝึกฝนในการใช้สิ่งนี้มาก่อน เมื่อมาจับมันก็มักจะถูกเผาไหม้จนมีอันเป็นไปครับ สิ่งนี้คืออาวุธที่ บัน ใช้ครับ ในขณะที่อาวุธที่อีกตัวละครอย่าง กุงทัน ใช้ จะมีลักษณะเดียวกัน แตกต่างกันเพียงแค่สีเท่านั้น ซึ่งผมรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่น่าสนุกที่จะได้รับชมกันครับ

ในซีรีส์นักแสดงของคุณมีการแสดงฉากแอคชั่นด้วย อยากทราบว่าคุณเตรียมความพร้อมสำหรับฉากเหล่านั้นอย่างไรบ้าง แล้วก็ในเรื่องบทบาทของวอนมีโฮเหมือนหรือแตกต่างจากบทบาทอื่นที่เคยได้รับอย่างไรบ้าง

อีดาฮี: ฉันมีฉากแอคชั่นด้วยเหรอคะ (ทุกคนหัวเราะ) ไม่ใช่อะไรนะคะ แต่ดูเหมือนว่านักแสดงอีก 3 ท่านจะแสดงฉากแอ็กชั่นมากกว่าฉันอีก ฉันก็เลยไม่คิดว่าสิ่งที่ฉันแสดงจะเรียกว่าฉากแอ็กชั่นค่ะ

คิมนัมกิล ได้กล่าวเสริมว่า ที่คุณแสดงก็นับเป็นฉากแอคชั่นที่ดีแล้วนะ ซึ่งคุณดาฮีเป็นคนที่มีไหวพริบดีมาก และยังเป็นคนที่วิ่งเก่งมากจนนักแสดงคนอื่นวิ่งตามไม่ทันน่ะครับ
ในวันที่คุณเลือกจะแสดงในซีรีส์เรื่องนี้ คุณลักษณะอะไรในตัวละครกุงทันที่ทำให้คุณตัดสินใจว่าจะสวมบทบาทเป็นเขา

ซองจุน: อย่างแรกเลยก็คือการมีพลังที่แข็งแกร่งที่สุดครับ เพราะเดิมทีแล้วร่างกายผมค่อนข้างอ่อนแอ ก็เลยอยากแสดงบทบาทของผู้ชายที่มีพลังสักหน่อยครับ ซึ่งผมก็พึงพอใจกับมัน เพราะอย่างนั้นสิ่งที่บทบาทนี้คล้ายกับผมจริง ๆ ก็คือการเป็นคนร้าย ๆ ครับ

ในเรื่องนี้คุณต้องรับบทบาทเป็นบาทหลวง ซึ่งต้องถ่ายทำโดยมีเทคนิคหรือ CG ร่วมด้วย เลยอยากทราบว่าผลงานนี้เป็นความท้าทายของเขาอย่างไรบ้าง

ชาอึนอู: ด้วยความที่เป็นแนวของซีรีส์ที่ผมไม่เคยลองแสดงมาก่อน และยังสร้างมาจากเว็บตูนด้วย ผมก็เลยมีความรู้สึกสนใจและก็อยากที่จะลองมากขึ้นกว่าเดิมอีกครับ เพราะการถ่ายทำ Island นั้น มีทั้งฉากที่มีความยากและพิเศษต่าง ๆ จึงมีการใช้ CG อยู่เยอะ ทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างเลยครับ ซึ่งในการถ่ายทำฉากเหล่านั้น ผมก็จะต้องอาศัยการจินตนาการเข้าไปด้วย ในส่วนนี้เลยเป็นอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจและก็สนุกมาก ๆ ครับ

ในเรื่องมีอิริยาบถพิเศษของตัวละครขณะใช้อาวุธหรือร่ายคาถาอาคมต่าง ๆ อยากทราบว่าเบื้องหลังมีการฝึกหรือออกแบบฉากเหล่านั้นอย่างไรบ้าง

คิมนัมกิล: ก่อนอื่นเลยคือซีรีส์เรื่องนี้ได้อ้างอิงมาจากการ์ตูน/เว็บตูน ที่เกี่ยวกับเรื่องราวบนเกาะเชจูครับ แล้วก็อย่างที่ผมได้เล่าไป คือมันจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความอยุติธรรม พิธีกรรมทางศาสนา และการร่ายคาถาต่าง ๆ ซึ่งถึงแม้มันจะอ้างอิงมาจากนวนิยาย แต่มันก็สามารถเชื่อมโยงไปหาความเป็นจริงได้ ไม่ว่าจะเป็นในแง่มุมของทางด้านศาสนาบางประการ ก็อาจถูกหยิบมาถกเถียงได้เช่นกัน ดังนั้นเราเลยแสดงฉากร่ายคาถาในระดับที่ไม่มากจนเกินไปครับ

ซึ่งในซีรีส์อิริยาบถต่าง ๆ ที่ใช้ร่ายคาถาก็ถูกดัดแปลงโดยอ้างอิงมาจากเรื่องราวเรื่องจริง อย่างการร่ายคาถาเพื่อกำจัดสิ่งชั่วร้ายหรือการร่ายคาถา
เพื่อช่วยทำให้มีโฮนอนหลับได้อย่างสบาย พวกคาถาต่าง ๆ เหล่านั้น หลังจากที่ได้ศึกษาจากอันเก่าแล้ว เวลาที่พวกเราต้องถ่ายทอดบทแอ็กชั่น
หรืออารมณ์ผ่านฉากต่าง ๆ ก็มักจะมีการเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างมากในตอนต้น แต่เมื่อเรื่องราวดำเนินไปเรื่อย ๆ ก็จะเริ่มโฟกัสที่อารมณ์มากกว่าการใช้อิริยาบถ ซึ่งผู้ชมจะดูได้ผ่านการรับชมซีรีส์เรื่องนี้ครับ

มากไปกว่านั้น แถบเอเซียอาคเนย์ได้รับอิทธิพลทางศาสนาพุทธค่อนข้างมากครับ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าเพราะอะไรตัวละครของกุงทัน รวมทั้งบัน ถึงเป็นครึ่งคนครึ่งปีศาจเพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป โดยในเรื่องจะมีการพูดถึงนักบวชแห่งนิกายจูซัลซึง (주살승) ซึ่งเป็นหนึ่งในความเชื่อถือทางศาสนาที่เข้มงวดด้วยครับ

ถึงแม้ว่าศาสนาจะอ้างอิงมาจากเนื้อหาต้นฉบับ แต่สิ่งนี้ก็เป็นเรื่องเบื้องต้นที่สุดในโลกของพวกเราครับ
เมื่อผู้คนต้านทานความโชคร้าย พวกเขาก็จะพูดถึงศาสนา ไม่ว่าจะเป็น ศาสนาพุทธ ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก หรือในอีกแง่อย่างตัวละครวอนมีโฮที่เป็นตัวแทนของความเป็นมนุษยธรรม ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่สนุกที่ได้เห็นสิ่งพวกนั้นครับ

แล้วหลังจากนั้นก็เหตุเพราะในเว็บตูนต้นฉบับมีการใช้อาวุธ

ดังนั้นเราจึงต้องให้ความเอาใจใส่กับมันด้วยเช่นกันครับ ด้วยเหตุว่ามันเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องทำเพื่อรักษาฐานแฟน ๆ เดิมของเว็บตูน รวมถึงองค์ประกอบต่าง ๆ ของเรื่องก็จะยังคงทำให้เช่นเดียวกับต้นฉบับถัดไป เราจึงให้ความสนใจกับเรื่องอาวุธที่มีการใช้เชือกโซ่และกริชด้วยครับ

ตัวละครของคุณชาอึนอูเป็นบาทหลวง เตรียมพร้อมหรือทำการบ้านในการถ่ายทอดบทบาทนี้อย่างไรบ้าง
และคุณคิมนัมกิลที่เคยสวมบทบาทหลวงมาก่อนได้ให้คำแนะนำอะไรเกี่ยวกับบทบาทนี้บ้างไหม

ชาอึนอู : ในการมารับบทบาทนั้น ผมเองก็ค่อนข้างรู้สึกสงสัย ตื่นเต้น และจากนั้นก็สนุกกับอาชีพนั้นด้วยเหมือนกัน ก็เลยไปทำการบ้านมาเยอะเลยครับ ซึ่งก็มีทั้งยังภาพยนตร์และก็ซีรีส์หลายเรื่องเลยที่เกี่ยวกับบาทหลวง เนื่องจากอย่างนั้นก็เลยหามาศึกษาได้เยอะแยะ แล้วผมก็ยังได้รับคำแนะนำจากคุณคิมนัมกิล ทั้งเรื่องการแต่งกาย ควรใส่ปกคออย่างไร เวลาถ่ายทำซีรีส์ควรจะสวมใส่ชุดอย่างไรเพื่อที่จะได้แสดงได้สะดวกที่สุด เพื่อให้ดูเหมือนจริงครับ

นอกนั้นผมก็ได้ไปพบกับบาทหลวงโยปที่มีตัวตนอยู่จริง แล้วก็ได้กล่าวคุยเพื่อขอคำแนะนำ และศึกษาดูงานมามากมายครับ อันที่จริงแล้วผมก็ไม่ได้มีความชำนาญในเรื่องภาษาอิตาเลียนและภาษาละตินในพาร์ทในโบสถ์
ซึ่งผมก็ได้เรียนรู้ศัพท์ต่าง ๆ ว่าควรใช้อย่างไรแล้วก็ใช้เวลาไหนบ้าง เพื่อเข้าใจความหมายที่จะนำมาใช้ในการทำงานครับ

คอนเสิร์ต

ไม่ธรรมดา! การแสดงดนตรี “BLACKPINK” มากกว่าบันเทิง ดันไทยเป็น Music Destination หนุนส่งการท่องเที่ยว

ต้องพูดว่าเป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ใหญ่ต้อนรับต้นปีกระต่าย 2566 สำหรับ คอนเสิร์ต “BLACKPINK WORLD TOUR BORN PINK BANGKOK”
ของวง “BLACKPINK” (แบล็กพิงก์) สุดยอดเกิร์ลกรุ๊ปอันดับ 1 แห่งยุค
ที่นำโดย “LISA” (ลิซ่า – ลลิษา มโนบาล ศิลปินชาวไทย), “JISOO” (จีซู), “JENNIE” (เจนนี) และก็ “ROSÉ” (โรเซ่)

คอนเสิร์ตครั้งนี้จัดขึ้น 2 วันคือ วันเสาร์ที่ 7 รวมทั้งวันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม 2566 ณ สนามกีฬาแห่งชาติ หรือ สนามศุภชลาศัย

BLACKPINK

การแสดงดนตรี BLACKPINK WORLD TOUR BORN PINK

เป็นคอนเสิร์ตที่จัดขึ้นเพื่อสนับสนุนการโปรโมตอัลบั้ม “Born Pink”
ผลงานอัลบั้มเต็มชุดที่ 2 ของวง ที่ทางวงแบล็กพิงก์ได้ปล่อยออกมา ตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2565 โดยทางวงได้จัดการแสดงดนตรีเกื้อหนุนอัลบั้มดังกล่าว
ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เป็นที่แรกในตอนกลางเดือนตุลาคม 2565 แล้วหลังจากนั้นได้ออกเดินสายทัวร์การแสดงดนตรีไปทั่วโลก ไล่ไปจากในแถบอเมริกาเหนือ ต่อด้วยโซนยุโรปที่เพิ่งจัดจบไปเมื่อช่วงกลางธ.ค. 2565 ที่ผ่านมา

ครั้นพอเปิดศักราชใหม่ ปีกระต่าย 2566 แบล็กพิงก์ออกตระเวนทัวร์การแสดงดนตรีในแถบเอเชีย โดยเลือกเมืองไทยบ้านเกิดของ ลิซ่า เปิดเปิดฉากเป็นที่แรก หลังหลังจากนั้นก็จะออกทัวร์คอนเสิร์ตต่อไปยัง ซาอุดีอาระเบีย มาเลเซีย ไต้หวัน ประเทศสิงคโปร์ ฮ่องกง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อินโดนีเซีย แล้วก็ประเทศฟิลิปปินส์

สำหรับการแสดงดนตรี “BLACKPINK WORLD TOUR BORN PINK BANGKOK”

ที่จัดขึ้นวันแรกในประเทศไทย (7 เดือนมกราคม 66) ที่สนามศุภชลาศัยนั้น บรรยากาศนับว่า
เป็นไปอย่างครึกครื้นตั้งแต่ช่วงเช้า เมื่อเหล่าแฟน ๆ ชาว “BLINK” เดินทางมารอร่วมชมการแสดงดนตรีกันหนาตาในชุดสัญลักษณ์ชมพู-ดำ และแท่งไฟสีชมพูประจำวง “BLACK PINK” แล้วก็ต่างร่วมใจกันทำกิจกรรมต่าง ๆ ขณะที่ในทวิตเตอร์ติดแฮชแท็ก #BORNPINKinBANGKOK ขึ้นเป็นอันดับ 1

ลิซ่า

ขณะที่การแสดงคอนเสิร์ตบนเวทีที่นับว่าเป็นไฮไลท์นั้น

ในภาพรวมต้องบอกว่าค่อนจะสมบููรณ์แบบ ทั้งระแบบ แสงสว่าง สี เสียง พลุไฟ
ทั้งหมดดูยิ่งใหญ่แล้วก็พอดี เหมือนกันกับการแสดงของสี่สาวที่ขนเพลงฮิตมาให้ชาว “BLINK” ได้ร้องเต้นกันแบบจัดเต็ม ถือเป็นอีกหนึ่งคอนเสิร์ตที่เรียกว่าคุ้มค่าสมการรอคอยของแฟนเพลง และศักดิ์ศรีของวงเกิร์ลกรุ๊ปอันดับ 1 แห่งยุค

อย่างไรดีแล้วสำหรับ คอนเสิร์ต “BLACK PINK WORLD TOUR BORN PINK BANGKOK” ที่จัดขึ้นในคราวนี้ เว้นแต่เรื่องของความบันเทิงแล้ว ทาง “การท่องเที่ยวแห่งเมืองไทย” (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย) หนึ่งในผู้ส่งเสริมหลัก ได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า การจัดการแสดงดนตรีของแบล็กพิงก์ในครั้งนี้ ถือว่ามีส่วนสำคัญในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่เมืองไทยในด้านการเป็น Music Destination โดยใช้หลัก Music Destination marketing เพื่อสร้างรายได้หมุนวนให้แก่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว แล้วก็เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ

ยิ่งไปกว่านี้ยังเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง

ในกลุ่มตลาดระยะใกล้ (Short Haul) อาทิเช่น ลาว เวียดนาม ประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย ตลอดจนสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย แล้วก็ชาวต่างชาติในการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยอีกด้วย

นับได้ว่า คอนเสิร์ต“BLACK PINK” นอกจากความบันเทิงแล้ว คอนเสิร์ตคราวนี้ยังมีส่วนสำคัญในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทย ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งแม่เหล็กดึงดูดทางการท่องเที่ยว ที่หลังจากโลกล่วงเลยจากสถานการณ์วิกฤติโควิด ประเทศไทยเราจัดว่าเนื้อหอมสุด ๆ มีคนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวแล้วกว่า 11 ล้านคน แล้วก็เมืองไทยก็ปัดกวาดรางวัลต่าง ๆ ทางการท่องเที่ยวอีกมากมาย โดยคาดว่าในปีนี้ 2566 ถ้าเกิดโลกไม่มีสถานการณ์รุนแรงอะไรเป็นพิเศษ คาดว่าประเทศไทยน่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาทะลุเป้า ไม่ต่ำลงยิ่งกว่า 20 ล้านคน

ส่องเลย ดาราไทยคนไหนเป็นบลิ๊งก์ แห่จอยคอนเสิร์ต BLACKPINK แต่ละคนจัดเต็ม !!

เรียกว่าสิ้นสุดการรอคอยจริง ๆ สำหรับการแสดงดนตรีของวงเกิร์ลกรุ๊ประดับโลก BLACK PINK
ซึ่งมาจัดที่ประเทศไทยกับคอนเสิร์ต BLACK PINK WORLD TOUR BORN PINK BANGKOK” ที่สนามศุภชลาศัย
ในกรุงเทพฯ ในวันที่ 7-8 มกราคม 2566 ซึ่งก็มีเหล่าชาว Blink ไปร่วมงานกันแน่นสนาม

ยิ่งกว่านั้น ยังมีเหล่าดาราซุปตาร์คนที่ใคร ๆ ก็รู้จักของไทยไปร่วมจอยไม่น้อย
งานนี้ก็ต้องบอกเลยว่าแต่ละคนนั้นจัดหนักจัดเต็ม ทั้งยังเสื้อผ้า หน้า ผม และก็พร๊อพต่าง ๆ สมกับที่รอรอจริง ๆ

คอนเสิร์ต BLACKPINK

ดาราไทย

นักแสดง

นัมจูฮยอก

สื่อเผยความก้าวหน้าถึงการเตรียมตัวเข้ากรมรับใช้ชาติของ ‘นัมจูฮยอก’ ที่กำลังจะมาถึงในเร็ว ๆ นี้

นัมจูฮยอก อีกหนึ่งนักแสดงที่กำลังจัดแจงเข้ากรมรับใช้ชาติในเร็ว ๆ นี้
ปัจจุบันก็ได้มีการรายงานจากสื่อเพิ่มเติมถึงความคืบหน้าการเตรียมความพร้อมเข้ากรมรับใช้ชาติของเจ้าตัว
หลังจากที่ก่อนหน้าที่ผ่านมาทางด้านของสังกัดได้ออกมายืนยันว่า
เขาต้องเตรียมตัวเข้ากรมในธันวาคมนี้

เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ได้มีการรายงานจากสื่อเกาหลีบอกว่า นัมจูฮยอก

“ได้ถ่ายทำซีรีส์ออริจินอลของ Disney+ เรื่อง Vigilante เสร็จสมบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา
ซึ่งผลงานดังกล่าวเป็นผลงานสุดท้ายก่อนที่เขาจะต้องเข้ากรมรับใช้ชาติ แล้วก็เหตุเพราะ
เขาจะต้องได้รับหมายเรียกเกณฑ์ทหารอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคมนี้ คิวในกองถ่ายต่าง ๆ นัม จูฮยอกก็เลยได้ถ่ายทำไว้ล่วงหน้าร่วมกับนักแสดงแล้วก็ทีมงานท่านอื่น ๆ กระทั่งจบ”

อย่างไรก็ดีแล้ว นัม จูฮยอก ยังไม่ได้รับหมายเรียกเกณฑ์ทหารอย่างเป็นทางการ ด้วยเหตุนี้ขณะนี้
เขาก็เลยยังอยู่ในระหว่างการรอได้รับหมายเรียก ยิ่งกว่านั้นยังได้มีการรายงานอีกด้วยเหมือนกันว่า
“หากว่า นัม จูฮยอก ได้รับหมายเรียกเกณฑ์ทหารอย่างเป็นทางการแล้ว เขาจะต้องเข้ากรมรับใช้ชาติภายใน 2-3 อาทิตย์หลังแล้ว”

นัม จูฮยอก นับเป็นอีกหนึ่งนักแสดงมากความสามารถ ที่ไม่ว่าเขาจะแสดงผลงานอะไร ก็มักจะได้รับความรักจากเหล่าแฟน ๆ อยู่เป็นประจำ
ซึ่งที่ผ่านมาเขาก็ได้ฝากผลงานการแสดงเอาไว้มากมายเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น ซีรีส์ Who Are You: School 2015 (2015), Moon Lovers: Scarlet Heart Ryeo (2016), Weightlifting Fairy Kim Bok-Joo (2016), The Bride of Habaek (2017), Start-Up (2020), Twenty Five Twenty One (2022) แล้วก็อื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งผลงานล่าสุดที่กำลังออกอากาศหลังจากที่เขาต้องเข้ากรมรับใช้ชาติเป็นที่เรียบร้อย
อย่างซีรีส์ Vigilante ที่ นัม จูฮยอก กำลังจะมาในบทบาทของ จียง นักศึกษามหาวิทยาลัยตำรวจที่สูญเสียบิดามารดาไป
ก็คาดว่าจะออกอากาศภายในปี 2023 ที่ใกล้จะถึงนี้เหมือนกัน

รู้จัก นัมจูฮยอก (Nam JooHyuk) ผ่าน 7 ผลงานซีรีส์สุดปัง พระเอกที่มาแรงที่สุด!

ก่อนที่จะไปดูผลงานการแสดง 7 เรื่องเด็ดที่ยืนยันโดย Netflix นั้น
จะพาไปรู้จักประวัติเบื้องต้นของ นัม จูฮยอก (Nam JooHyuk) พระเอกสุดฮอตของเราก่อน เริ่มเลย!

ชื่อ : นัม จูฮยอก (Nam JooHyuk)
วันเกิด : 22 กุมภาพันธ์ 2537
ส่วนสูง : 187 เซนติเมตร
สังกัด : Management SOOP
IG : @SKAWNGUR
บ้านเกิด : ปูซาน
ผลงานเดบิวต์ : MV 200%-AKMU, MV Give Love-AKMU

7 ซีรีส์ประเทศเกาหลี ที่น่าดู และก็นำแสดงโดย นัม จูฮยอก (Nam JooHyuk) เลือกดูได้ที่ด้านล่างนี้เลย

Twenty Five Twenty One

Twenty Five Twenty One (2022) รับดูได้ทาง Netflix
ซีรีส์เกาหลี Twenty Five, Twenty One (ยี่สิบห้า ยี่สิบเอ็ด) จากช่อง tvN ซีรีส์เรื่องแนวโรแมนติก-คอมเมดี้
ที่จะเล่าเรื่องราวของคนสองคนที่มีอายุแตกต่างกัน ที่ได้มีโอกาสมาพบกันในช่วงที่เขารวมทั้งเธอต่างอายุ 22 ปี แล้วก็ 18 ปี
ก่อนที่จะจบลงด้วยความเจ็บใน นำแสดงโดย คิมแทรี, นัม จูฮยอก, โบนา, ชเวฮยอนอุค รวมทั้ง อีจูมยอง
ที่บอกกล่าวเรื่องราวทางการเติบโตของกลุ่มวัยรุ่นยุค 90 ที่สูญเสียความฝันของตัวเองให้กับวิกฤต IMF วิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่เกาหลี
เคยเผชิญเมื่อปี 1998 ซึ่งความน่าประทับใจของซีรีส์เรื่องนี้คือการเล่าเรื่องในลักษณะเป็นสมุดบันทึกของตัวละครหลัก นาฮีโด เด็กสาวอายุ 18 ปี ที่วิกฤต IMF พรากความฝันของเธอไป
ทำให้ชมรมฟันดาบถูกยุบลง แล้วก็เธอพยายามทำทุกทางเพื่อปกป้องความฝันเอาไว้ ขณะที่ แพคอีจิน หนุ่ม 22 ปี ลูกชายเศรษฐีที่ประกาศล้มละลายท่ามกลางวิกฤต IMF
เขาพับความฝันและมุ่งหน้าหาเงินเพื่อดิ้นรนให้ผ่านไปในแต่ละวัน

The School Nurse Files
The School Nurse Files (2020) รับชมได้ทาง Netflix
เป็นซีรี่ส์เกาหลีแนวแฟนตาซีที่สร้างมาจากนวนิยายขายดีในเกาหลี
นางเอกเป็นครูพยาบาลที่มีพลังพิเศษ สามารถมองเห็นปีศาจได้ในรูปแบบเจลลี่ พระเอกเป็นอาจารย์สอนภาษาจีนและเป็นหลานชายของผู้จัดตั้งโรงเรียน
แล้วก็ยังมีพลังพิเศษที่คอยปกป้องตัวเองจากเหล่าปีศาจได้ ทั้งสองก็เลยพากันหาทางปกป้องนักเรียนจากเหล่าปีศาจ
ก่อนที่จะได้พบกับความลับบางอย่างในห้องใต้ดินซึ่งเป็นจุดเริ่มแรกความปั่นป่วน

Start-Up

Start-Up (2020) รับดูได้ทาง Netflix
Start-Up อีกหนึ่งซีรีส์โรแมนติกที่กินใจผู้ชมเช่นเดียวกัน เรื่องนี้เป็นการผสมการทำธุรกิจเข้าไปด้วย
เรื่องราวของชายหนุ่มสาววัยรุ่น ที่กำลังเริ่มต้นตั้งเนื้อตั้งตัวทำตามความฝันของตนเอง นางเอกมาจากครอบครัวที่แตกแยก
เมื่อพ่อแม่หย่ากัน พี่สาวต้องไปอยู่กับแม่ ส่วนนางเอกต้องได้ไปอาศัยอยู่กับคุณย่า และโตมาด้วยความฝันต้องการจะทำธุรกิจสตาร์ทอัพให้ประสบความสำเร็จดังสตีฟ จอบส์ ส่วนพระเอกเป็นหนุ่มอัจฉริยะเจ้าของบริษัทไอที ที่ธุรกิจไปได้ไม่ค่อยสวย รวมทั้งกลายมาเป็นรักแรกของนางเอกโดยการเข้าใจผิด
เพราะโดนเอาชื่อไปแอบอ้าง

The Light in Your Eyes

The Light in Your Eyes (2019) รับชมได้ทาง Netflix, VIU, iQiyi
ซีรีส์ที่จะมีผลให้รู้จักคุณค่าของเวลา เมื่อนางเอกเจอกับนาฬิหกาที่ทำให้ย้อนเวลาได้ แต่ต้องแลกเปลี่ยนมาด้วยช่วงเวลาในชีวิต
ที่ต้องใช้มันเพื่อช่วยพ่อของตัวเอง ก่อนที่จะกลายมาเป็นหญิงแก่วัย 70 ปีโดยไม่ตั้งตัว ได้มาเจอกับพระเอกที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อย
ด้วยเหตุว่ายอมแพ้ให้กับความไม่ยุติธรรม โดยที่ทั้งสองมีความฝันเดียวกันคือ
การเป็นนักข่าว การมาเจอกันนั้นทำให้เข้าใจความหมายของเวลาแล้วก็ชีวิต

The Bride of Habaek

The Bride of Habaek (2017) รับชมได้ทาง Netflix, VIU, iQiyi, weTV, iflix
ซีรีส์เกาหลี แนวแฟนตาซี ที่ นัมจูฮยอก ได้รับบทบาทเป็นเทพเจ้าที่กำลังจะได้เป็นพระราชา แต่ต้องเดินทางมายังโลกมนุษย์เพื่อเอาศิลา
แต่เมื่อมาถึงกลับไม่มีอีกทั้งพลังวิเศษแล้วก็ทำแผนที่หาย ทำให้ต้องตามหานางเอกที่โดนคำสาปให้รับใช้เหล่าเทพ นางเอกต้องรอช่วยเพราะเหตุว่า
มีความคิดว่าพระเอกเป็นคนบ้า เรื่องนี้ดูได้เรื่อย ๆ เพราะเหตุว่ามีซีนฟินจิกหมอน

Weightlifting Fairy Kim Bok Joo

Weightlifting Fairy Kim Bok Joo (2016) รับชมได้ทาง Netflix, VIU, iQIYi, weTV
คิมบ๊กจู เป็นอีกเรื่องที่แจ้งเกิด นัมจูฮยอก โดยเรื่องนี้รับบทบาทเป็นนักว่ายน้ำ ที่แอบชอบเพื่อนของตัวเองหรือนางเอกนั่นเอง
โดยนางเอกนักกีฬายกน้ำหนัก รวมทั้งเป็นเพื่อนกับพระเอกตั้งแต่สมัยเด็กที่ตัวอ้วน พอโตขึ้นดันแอบรักพี่ชายของพระเอกที่เป็นหมอ
ก็เลยไปสมัครคอร์สลดน้ำหนัก ทั้งที่เป็นนักกีฬาด้วยเหตุว่าจะได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น

Who Are You: School

Who Are You: School 2015 (2015) รับชมได้ทาง Netflix, VIU
ซีรี่ส์เกาหลีตระกูล School ที่ทำมาแล้วนับเป็นเวลาหลายปี ซึ่งในภาพนี้ได้ นัมจูฮยอก, คิมโซฮยอน และก็ ยุกซองแจ มารับบทนำ
เรื่องราวของวัยรุ่นหญิงที่เป็นฝาแฝดแบบไม่เคยเจออีกฝั่ง กระทั่งกระทั่งวันที่ฝาแฝดคนึงหายตัวไป
แล้วก็มีการสลับตัวเกิดขึ้น เรื่องราวความเป็นจริงที่เธอได้ค้นหารวมไปถึงความลับของโรงเรียน ยิ่งทำให้ซีรีส์เรื่องนี้เข้มข้นเพิ่มขึ้น!